จากกรณีปรากฏข่าวมีคนร้าย 5 คน ใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปในสำนักงานบริษัทแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง และข่มขู่นายเจ เค และนายเจ เซ่ นักธุรกิจจีน โดยเข้าค้นและยึดเงิน 3,200,000 บาทไป และยังได้จับตัวนักธุรกิจจีนทั้ง 2 คนเพื่อเรียกค่าไถ่ จนสุดท้ายได้เงินไปกว่า 12 ล้านบาท ก่อนจะนำผู้เสียหายไปปล่อยไว้บนถนนย่านเกษตร-นวมินทร์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้เสียหายได้มาแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร ระบุว่า หนึ่งในคนร้ายดังกล่าวเป็นชาวจีน ชื่อ นาย หลิว บู โดยมีชาวต่างชาติสงสัยว่ามีคนจีนอีก 4 คนร่วมก่อเหตุ

ความคืบหน้าวันที่ 21 ต.ค. มีรายงานว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ระดมชุดสืบสวนเร่งแกะรอยคนร้ายตามเส้นทางที่คาดจะหลบหนี พร้อมประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเฝ้าระวังตามด่านพรมแดนและช่องทางสนามบินที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี

กระทั่งช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 พร้อมชุดสืบสวนด่าน ตม.สนามบินสุวรรณภูมิ ตรวจพบ นายหลิว บู กำลังจะเดินทางออกจากไทยด้วยสายการบินสกายอังกอร์แอร์ไลน์เที่ยวบิน ZA679 จากสุวรรณภูมิ ไปพนมเปญ จึงสั่งการให้ทำการควบคุมตัวเพื่อประสานงานกับ บก.สืบ.น.2 และสน.สุทธิสาร มารับตัวเพื่อไปดำเนินการทางคดี

พล.ต.ต.เชิงรณ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทาง บก.สส.สตม.ได้มีการประสานงานร่วมกับ ชุดสืบ บก.น.2 เพื่อสืบสวนหาตัวคนร้าย โดย พล.ต.ต.พันธนะ ได้สั่งการให้ลงข้อมูลผู้ต้องสงสัยในระบบ APPS ซึ่งเป็นระบบแจ้งเตือนการเดินทางของผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยของ สตม. จนกระทั่งพบว่า นายหลิว บู กำลังเช็กอินเพื่อเตรียมเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว

ในการนี้ พล.ต.ต.พันธนะ และพล.ต.ต.เชิงรณ ได้มาซักถามและตรวจค้นสัมภาระติดตัวพบสายรัดข้อมือพลาสติกจำนวนมาก เงินสด หนังสือเดินทางสัญชาติ Cedeao ฯลฯ ซึ่งจะนำไปประกอบการสืบสวนขยายผลต่อไป โดยทาง สตม.ได้ส่งมอบตัว นายหลิว บู ให้ สืบ บก.น.2 ดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ สตม.จะมีการขยายผลร่วมกับชุดสืบสวน บช.น.เพื่อหาตัวคนร้ายที่เกี่ยวข้องต่อไป