เมื่อวันที่ 10 ก.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แนวทางในการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย ยังเป็นไปตามกรอบแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 150 ล้านโด๊ส ภายในกลางปี 2565 เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เร่งรัดการจัดหาวัคซีน ทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก โดยเน้นการจัดหาวัคซีนที่มีการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายด้วย เพื่อรองรับสถานการณ์การกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก  

โดยจากข้อมูลล่าสุดขณะนี้ ประเทศไทยมีการจัดหาและดำเนินการเจรจาวัคซีนหลักไปแล้วมากกว่า 105.5 ล้านโด๊ส  ซึ่งการจัดหาวัคซีนหลัก รัฐบาลจะเป็นผู้ดำเนินการเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนโดยประชาชนไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น  ส่วนวัคซีนทางเลือกนั้น เอกชนเป็นผู้จัดหา โดยมีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นตัวกลางในการทำสัญญากับผู้ผลิต ซึ่งได้มีการเจรจากับผู้ผลิตเพื่อเตรียมนำวัคซีนเข้ามาอย่างน้อย 10 ล้านโด๊ส  โดยวัคซีนทางเลือกในปัจจุบัน ประกอบด้วยยี่ห้อซิโนฟาร์ม และโมเดอร์นา ซึ่งประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ภาคเอกชน

นายอนุชา กล่าวอีกว่า  ยอดสะสมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.- 9 ก.ค. 2564 รวม 12,403,255 โด๊ส แบ่งเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 9,156,006 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 3,247,248 ราย นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ มียอดสะสมเกือบ 4 ล้านโด๊สแล้ว แบ่งเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 2,196,456 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มจำนวน 895,830 ราย