‘การขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ’ นับเป็นเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และลดความเสี่ยงจากปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวเท่านั้น ทว่ายังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนากลยุทธ์และนโยบายที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน การพัฒนาระบบขนส่งที่ยั่งยืน ไปจนถึงการสร้างสำนึกสาธารณะในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐฯ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน

สอดคล้องกับการที่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)’ หรือ ‘GC จัดงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING ภายใต้แนวคิด ‘ยั่งยืนไม่ยากซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ของจีซี ในการรวมพลังครั้งสำคัญของคนหัวใจรักษ์โลก หรือGEN S’ (Generation Sustainability) จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาความร่วมมือ เพื่อบรรเทาปัญหาโลกเดือดและร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

พร้อมจัดนิทรรศการแสดงศักยภาพและเทคโนโลยีการผลิตเคมีภัณฑ์มูลค่าสูงคาร์บอนต่ำของจีซี ครอบคลุมทั้งเคมีภัณฑ์เคลือบผิวที่ยั่งยืน ไบโอเคมิคอล พลาสติกชีวภาพ และการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนแห่งแรกของประเทศไทย (Sustainable Aviation Fuels: SAF) ตลอดจนสร้างโอกาสการเติบโตของประเทศผ่าน ‘allnex’ บริษัทชั้นนำระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านการผลิต Coating Resins หรือเรซินสำหรับเคลือบผิวต่างๆ เพื่อตอบสนองเทรนด์ในอนาคต สู่การเป็น Specialty Hub ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

‘ณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าวว่า จีซี มีเป้าหมายในการเป็นองค์กรต้นแบบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในระดับสากล ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘การเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต’ พร้อมสร้างสมดุุลด้านความยั่งยืนผ่านการประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ใน 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี มาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี และในปี 2564 จีซีได้กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ผ่านการกำหนดแผนงาน การวัดผลและการตรวจสอบที่ชัดเจน ซึ่งสิ่งที่เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนี้ สอดคล้องกับข้อตกลงสำคัญหลายประการจากการประชุมผู้นำระดับโลกในหลายๆ เวที ผู้นำทั่วโลกต่างก็หยิบยกประเด็นความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาความยั่งยืน

“เราเล็งถึงความสำคัญที่ว่า ภาคการผลิตต้องปรับตัวเตรียมรับมือในการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด แต่ยังเป็นการนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความสมดุลในการดำเนินการธุรกิจด้วยความยั่งยืน”

ณะรงค์ศักดิ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า จีซี เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในการลงทุนในกลุ่มของพลาสติกชีวภาพ หรือ ‘ไบโอพลาสติก’ ซึ่งเริ่มต้นมากว่า 10 ปีที่แล้วในบริษัท ‘NatureWorks’ ผู้ผลิตไบโอพลาสติกชั้นนำของโลกที่ย่อยสลายได้ในทางชีวภาพ ถือเป็นความภาคภูมิใจของ จีซี และประเทศไทยที่สามารถสนับสนุนให้ NatureWorks ตัดสินใจร่วมลงทุนในโรงงานผลิตไบโอพลาสติกแบบครบวงจรแห่งใหม่ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านวัตถุดิบทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ โดยโรงงานดังกล่าว นับแห่งแรกในประเทศไทยที่ก่อตั้งขึ้นตามแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล ซึ่งจะแล้วเสร็จในปลายปี 2568 และจะเป็นฐานการผลิตเพื่อมุ่งเน้นการตอบสนองต่อการผลิตชีวภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก

ที่ผ่านมา จีซี ได้ดำเนินการตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการดำเนินโครงการมากกว่า 200 โครงการ มีการใช้หลัก 5R ใช้พลังงานหมุนเวียน นำเทคโนโลยีและ Digitalization เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน รวมถึงแผนการบริหารจัดการคาร์บอน ภายใต้ความร่วมมือในกลุ่มปตท. ทั้งการศึกษาการกักเก็บ การใช้ประโยชน์จากคาร์บอน และการแสวงหาโอกาสในธุรกิจไฮโดรเจน  ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะนำไปสู่ Net Zero ของภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย รวมถึงสร้างความร่วมมือครอบคลุมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการปลูกและดูแลป่า ทั้งป่าบก ป่าชายเลน ป่าชุมชน จนมาถึงการศึกษาการปลูกข้าวนาเปียกสลับแห้ง

นอกจากนี้ จีซี ยังเป็นบริษัทไทยรายแรกที่ปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบ ด้วยเทคโนโลยีการกลั่นขั้นสูงให้สามารถรองรับวัตถุดิบเหลือใช้จากการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันพืชใช้แล้ว สู่การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ ‘SAF’ ซึ่งถือเป็นพลังงานหมุนเวียนที่มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนจะผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2568  โดยผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐานด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอน ‘ISSC Plus’ และ ‘ISSC Corsia’ ซึ่งรับรองว่าผลิตภัณฑ์จากโครงการนี้ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน

เรามองเห็นอนาคตที่ชัดเจนว่า ภาคการผลิตจะเปลี่ยนกระบวนการไปสู่การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เพียงแค่การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด แต่เป็นการลงทุนเพิ่มขึ้นในโซลูชันที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะทำให้ภาคการผลิตสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน” ณะรงค์ศักดิ์ กล่าว

ด้าน ‘ประเสริฐ จันทรรวงทอง’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้ร่วมปาฐกถาพิเศษในงาน กล่าวว่ารัฐบาลจะเดินหน้าร่วมกับทุกภาคส่วนในการแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย โดยมีนโยบายและแผนพลังงานแห่งชาติที่กำหนดในเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็น 0 ภายในปีพ.ศ 2605 ซึ่งฟังดูแล้วอาจเป็นเวลาที่นานพอสมควร ทว่าประเสริฐมองว่าเป็นความตั้งใจจริงของภาครัฐที่เล็งเห็นว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา และสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ ท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น การใช้กลไกในเรื่องของราคาคาร์บอนมากำหนดมาตรฐานภาษี ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ตั้งแต่การกำหนดนโยบายกลไกภาษีเรื่องคาร์บอน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำของประเทศไทย มีความจำเป็นต้องอาศัยทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อน ซึ่งรัฐบาลเองก็มีความพร้อมในการที่จะสนับสนุนภาคเอกชนในการใช้พลังงานและเทคโนโลยีที่มีความสะอาด นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่จะละเลยไม่ได้ คือการให้ความสำคัญในการรักษาระบบนิเวศ รักษาระบบธรรมชาติ รวมถึงรักษาความสมดุลในมิติต่างๆ ด้วยเช่นกัน

สำหรับไฮไลต์ภายในงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING มีตั้งแต่การรังสรรค์ประสบการณ์ความยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ ผ่านหลากหลายกิจกรรม อาทิ เวทีเสวนาจาก 30 ผู้นำทางความคิด ผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และแนวทางการปฏิบัติจริงในการสร้างธุรกิจและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน, นิทรรศการนวัตกรรมเพื่อโลกยั่งยืน (Showcase) นำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของนวัตกรรมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน, GEN S Market เปิดพื้นที่ให้แบรนด์สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาพบปะกับผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลอดจน กิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจจากอินฟลูเอนเซอร์สายกรีน ที่มาร่วมแชร์ไอเดียและสร้างสีสันให้กับงาน

ในส่วนของนิทรรศการทั้ง 4 โซน ซึ่งประกอบไปด้วย 1. Net Zero Experience: มีการโชว์ Carbon Emission Dashboard ที่แสดงผลแบบเรียลไทม์ ให้เห็นถึงผลลัพธ์จากความร่วมมือของทุกคนในงาน, 2. นวัตกรรมที่ยั่งยืน = เป็นไปได้ ร่วมเส้นทางสู่ Net Zero กับGC ผ่านเทคโนโลยีชั้นสูง อาทิ กระบวนการผลิตในโรงงาน โครงการปลูกป่า และนาข้าว รวมถึงโครงการ BIOREFINERY, 3. ธุรกิจที่ยั่งยืน = สำเร็จได้: เป็นนิทรรศการที่เกี่ยวกับการพัฒนาเคมีภัณฑ์และวัสดุขั้นสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวัน อาทิ ไบโอเคมิคอล พลาสติกชีวภาพจาก NatureWorks  Brand Innoplus และเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) และเคมีภัณฑ์เคลือบผิวจาก ‘allnex’ ผู้นำด้านเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก และ 4. วิถีชีวิตที่ยั่งยืน = ทุกความร่วมมือ: เรียนรู้การใช้ชีวิตเพื่อโลกยั่งยืนแบบ GEN S ผ่าน Lifestyle Wheel ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ‘ยั่งยืนไม่ยาก’ พร้อมสนุกกับกิจกรรม Plastic Funtastic, GC YOUเทิร์น รวมถึง Green University

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีอีก 3 เวทีเสวนา ที่พาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของความยั่งยืน จาก 30 ผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์สายกรีน มาร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และแนวทางการปฏิบัติจริงในการสร้างธุรกิจและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ไล่เรียงมาตั้งแต่ เวทีเสวนา GEN S Business & Solution ความยั่งยืน ≠ เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ความยั่งยืน = โอกาสทางธุรกิจและโซลูชันต่อยอดสู่อนาคต ซึ่งพูดคุยเกี่ยวกับการสร้างโอกาสทางธุรกิจและโซลูชั่นเพื่อสร้างความยั่งยืน ภายใต้หัวข้อ ‘Packaging for the sustainable โดยมีเหล่า CEOหลากหลายองค์กรมาแบ่งปันแนวทางการสร้างสรรค์วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทำความรู้จักเทคโนโลยีพลังงานสีเขียว และการยกระดับประสิทธิภาพทางพลังงานของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ปิดท้ายด้วยเรื่องของการเงิน ในหัวข้อ ‘How sustainable finance supports the business transition to a low-carbon economy’ รวมถึงแบ่งปันการไขความลับของ ‘การเงินเพื่อความยั่งยืน’ เครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

เวทีเสวนา Exhibition Thailand’s Decarbonization & Circularity Pathway ความยั่งยืน ≠ ‘จำกัด’ และ ‘กำจัด’ แต่ความยั่งยืน = หมุนเวียนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ได้มีการสำรวจเส้นทางสู่ Net Zero ของประเทศไทย ผ่านมุมมองของภาครัฐ และภาคเอกชน กับเสวนาในหัวข้อ ‘Implications of Thailand’s climate change policy for transitioning to a low-carbon society’ ผ่านการฉายภาพผลกระทบของนโยบาย และความท้าทายในการปรับตัว เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งยังร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองภายใต้หัวข้อ ‘How Collaboration Advances Bioplastic, Circularity & Plastic Waste Solution’ ซึ่งเป็นการขยับตัวจากภาคธุรกิจที่จะเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน

และ เวทีเสวนา Lifestyle GEN S Stage: Live More Sustainably ความยั่งยืน ≠ หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่ความยั่งยืน = หน้าที่ของทุกคน มีการแสดงผลงานการรีไซเคิลขยะ จากโครงการ ‘Green University ทิ้งเทิร์นให้โลกจำ Upvel 2’ ที่เกิดจากร่วมมือระหว่าง GC x AIS และ GEN S all stars ที่บุคคลต้นแบบทุกเจเนอเรชั่นมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน