อาการ”ใจสั่น” เกิดจากการที่หัวใจมีการเต้นผิดจังหวะ อาจเต้นเบาเกินไป หรือแรงเกินไป เต้นไม่สม่ำเสมอ “โรงพยาบาลศิครินทร์” มีสาระความรู้มาบอกเล่าถึงที่มาของอาการใจสั่นว่า สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ออกกำลังกายหนักเกิน มีความเครียด หรือแม้กระทั่งผลข้างเคียงจากยาบางชนิด หรืออาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคได้ เราลองมาสำรวจกันว่าสาเหตุของอาการใจสั่นเกิดจากอะไรได้บ้าง

1. การออกกำลังกายอย่างหนัก อาจทำให้หัวใจของคุณจะเต้นเร็วขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ทัน ทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป เต้นแรงและเร็วขึ้น จนกระทั่งเกิดอาการใจสั่นที่ทำให้เรารู้สึกได้

2. การรับประทานยาบางชนิด ทำให้เกิดอาการใจสั่นได้เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาลดน้ำหนัก หรือ ยาลดความดัน เป็นต้น ซึ่งหากรับประทานยาเหล่านี้ร่วมกันก็อาจทำให้ใจสั่นได้

3.ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ร่างกายอาจมีอาการ มือสั่น เหงื่อออก หน้ามืด ใจหวิวๆ เหมือนใจสั่นได้

4. ความเครียด วิตกกังวล โรคแพนิค มีผลเร่งการเต้นของหัวใจหลั่งออกมา เพื่อให้ร่างกายพร้อมที่จะเผชิญความกลัว แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายก็ตาม ส่งผลให้เกิดอาการ ใจเต้นเร็ว เหงื่อแตก สั่น หายใจติดขัด และเจ็บหน้าอกได้ โดยอาการนี้จะมีอาการคล้ายกับโรคหัวใจ แต่หากไม่แน่ใจว่าเป็นโรคใด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย

5. ได้รับคาเฟอีนมากเกินไป เพราะคาเฟอีนเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการเต้นของหัวใจทำให้ใจสั่นได้ นอกจากกาแฟแล้ว คาเฟอีนยังพบจากอาหารหรือเครื่องดื่มอื่นๆ ได้อีก เช่น ชา ช็อกโกแลต โซดา เครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ เป็นต้น

6. การมีไข้สูงมากกว่า 37.8°C เป็นหนึ่งในสภาวะที่เกิดขึ้นบ่อยเมื่อคุณป่วย ทำให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับความเจ็บป่วย หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้หัวใจสูบฉีดแรงและเร็วขึ้นได้

7. โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะที่หัวใจเต้นไม่ปกติ อาจเร็วไปหรือช้าไป โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะมีหลายชนิด มีความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนแตกต่างกัน

8. โรคไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน เป็นภาวะที่ฮอร์โมนหลั่งออกมามากเกินความจำเป็น ส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย ผู้ป่วยโรคนี้อาจมีอาการใจสั่น เนื่องจากหัวใจเต้นเร็วเกินไป

หากมีอาการใจสั่นบ่อยๆ อาจเกิดได้จากสาเหตุข้างต้น แต่หากสงสัยว่าอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรค หรือมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย หาสาเหตุของอาการและรับการรักษาโดยเร็วที่สุด.