ที่ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รองประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นประธานกิจกรรม “เปิดจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต้อนรับเยาวชนและครอบครัวอุปถัมภ์” ในโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 43 และคณะ

โดย นายอารีย์ วงศ์อารยะ กล่าวว่า โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” จัดขึ้นเพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนวิถีชีวิตสังคมต่างพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่นับถือต่างศาสนากัน แต่สามารถอยู่อาศัยร่วมกันได้อย่างมีความสุข สำหรับการจัดกิจกรรมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ในครั้งนี้ เป็นรุ่นที่ 43 กำหนดจัดขึ้นระหว่าง 17 กันยายน – 26 ตุลาคม 2567 โดยมีเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้มาพำนักอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อำเภอลาดบัวหลวง จำนวน 12 ครอบครัว อำเภอบางปะอิน จำนวน 3 ครอบครัว และคัดเลือกครอบครัวศาสนาพุทธ จำนวน 5 ครอบครัว โดยคัดเลือกจากครอบครัวในพื้นที่ อำเภอมหาราช จำนวน 2 ครอบครัว และอำเภออุทัย จำนวน 3 ครอบครัว

โดยก่อนหน้านี้ได้จัดกิจกรรมให้แก่เยาวชน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม มีการจัดทัศนศึกษา แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เชื่อมโยงกับสังคมวัฒนธรรมในอดีตสู่ปัจจุบัน โดยในวันนี้(วันอังคารที่ 15 ตุลาคม) ได้เปิดจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้อนรับเยาวชนและครอบครัวอุปถัมภ์ จำนวน 22 ครอบครัว อีกทั้งจะจัดกิจกรรมที่ 2 ค่ายประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา/เรียนรู้วิถีชุมชนพหุวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ 19 – 20 ตุลาคม 2567 ซึ่งคณะกรรมการฯ จะนำเยาวชนในโครงการฯ ทั้งหมดมาเข้าร่วมกิจกรรม โดยเยาวชนที่ร่วมโครงการในครั้นนี้ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม มีการจัดทัศนศึกษา แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เชื่อมโยงกับสังคมวัฒนธรรมในอดีตสู่ปัจจุบัน

โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 43 ถือได้ว่าเรามีเยาวชนรุ่นใหม่ๆ ที่มาร่วมกันในโครงการนี้เป็นจำนวนมาก ปีนี้มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการฯ 320 คน ซึ่งเชื่อว่าเราทุกคน ไม่ว่าจะมีความเชื่อและความศรัทธาในศาสนาของตนที่แตกต่างกันอย่างไร แต่เราทุกคน มีความรัก ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่จะได้ร่วมกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ขอให้เยาวชนสานใจไทย สู่ใจใต้ทุกคน ได้ร่วมใจกันเป็นพลังความสามัคคี เป็นพลังแห่งความดี ที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และช่วยกันนำพาความดีเหล่านี้มาสู่ประเทศไทยของเรา ขอให้ทุกคนได้ใช้โอกาสนี้ ทำเพื่อแผ่นดินไทย สมดังคำที่ว่า “เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน”ปกครองจังหวัด มูลนิธิพระมงคลบพิตร มูลนิธิหลวงพ่อรวย ปาสาทิโก หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ครอบครัวอุปถัมภ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมอย่างเต็มกำลัง