คุณรู้ไหมว่าอาหารที่คุณรับประทานเข้าไปในแต่ละวัน ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพระบบย่อยอาหารของคุณ หากคุณมีอาการท้องผูกบ่อยครั้ง ถึงเวลาที่ต้องพิจารณาอาหารในแต่ละมื้อของคุณ นี่คือผักสีเขียวมหัศจรรย์ 5 ชนิด ที่ได้รับการขนานนามให้เป็น “ราชาแห่งยาระบาย” สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาท้องผูก หากทานเป็นประจำ อาการท้องผูกก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง

ผัก 5 ชนิดที่ช่วยปัญหาโรคท้องผูก

  1. ใบมันเทศ

ในอดีตใบมันเทศส่วนใหญ่จะใช้เป็นอาหารสัตว์ แต่ปัจจุบันใบมันเทศกลายเป็นอาหารยอดนิยมของคน เพราะมีประโยชน์มากมายที่คาดไม่ถึง ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของใบมันเทศคือความสามารถในการช่วยย่อยอาหาร ใบมันเทศมีเส้นใยอาหารจำนวนมาก ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร และมีฤทธิ์ในการทำความสะอาดลำไส้ ผู้ที่มีอาการท้องผูกควรรับประทานใบมันเทศให้มากขึ้น

นอกจากนี้ ใบมันเทศยังมีคุณค่าทางโภชนาการเป็นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผักชนิดอื่นๆ ปริมาณแร่ธาตุและวิตามินในใบมันเทศมีสูง มีปริมาณแคโรทีนสูงกว่าแครอทด้วยซ้ำ ใบมันเทศยังมีสารประกอบฟลาโวนอยด์หลายชนิด ซึ่งช่วยทำลายอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ชะลอความแก่ชรา และป้องกันมะเร็ง

วิธีเตรียมใบมันเทศ :

ผัดกระเทียม – ต้มใบมันเทศในน้ำเดือดแล้วแช่ในน้ำเย็น บดกระเทียมแล้วทอดจนมีกลิ่นหอม จากนั้นใส่ใบมันเทศลงไปผัด สุดท้ายใส่เกลือ ผงชูรส และน้ำมันงา คนให้เข้ากัน

การนึ่ง – ล้างใบมันเทศ ใส่แป้งเล็กน้อย นึ่งในหม้อนึ่งประมาณ 10-15 นาที เสิร์ฟพร้อมกับกระเทียมบด

  1. ขึ้นฉ่าย

ขึ้นฉ่ายเป็นยาระบายชั้นดี หลายคนที่มีอาการท้องผูกมักนึกถึงขึ้นฉ่าย เนื่องจากมีเส้นใยสูง ในขึ้นฉ่าย 100 กรัม มีเส้นใยถึง 2.6 กรัม อย่างไรก็ตาม พันธุ์ขึ้นฉ่ายมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ หากต้องการรับประทานขึ้นฉ่ายเป็นยาระบาย ให้เลือกขึ้นฉ่ายฝรั่งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

ในด้านโภชนาการ ขึ้นฉ่ายฝรั่งยังมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า โดยมีแคลเซียม 2.4 เท่า และวิตามินซี 2 เท่า นอกจากนี้ ขึ้นฉ่ายนำเข้าจะมีรสชาติอ่อนกว่า ดังนั้นหากไม่ชอบกลิ่นฉุนของขึ้นฉ่าย ให้ลองขึ้นฉ่ายฝรั่ง

  1. มะเขือยาว

มะเขือยาวมีสรรพคุณเป็นยาเย็น มีฤทธิ์ขับความร้อน กระตุ้นเลือด และขับปัสสาวะ ผู้ที่เป็นสิวบ่อย ๆ รับประทานมะเขือยาว สิวจะลดลง มะเขือยาวมีเส้นใยเพกตินจำนวนมาก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูก มะเขือยาวยังมีโซลานีนและวิตามินอี ซึ่งโซลานีนมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง ในขณะที่วิตามินอีช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย

  1. กระเจี๊ยบเขียว

กระเจี๊ยบเขียวมีไฟเบอร์จำนวนมาก กระเจี๊ยบเขียว 100 กรัม มีไฟเบอร์มากถึง 3.9 กรัม ดังนั้นกระเจี๊ยบเขียวจึงมีส่วนช่วยเรื่องย่อยอาหาร กระเจี๊ยบเขียวสามารถเตรียมได้หลายวิธี เช่น ผสมสลัด ผัด ทอด หรือตุ๋น วิธีที่ง่ายที่สุดและช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด เพียงแค่ล้างกระเจี๊ยบ ใส่ในน้ำเดือดปิดฝา แล้วนำมารับประทานกับน้ำพริก

  1. เห็ดเข็มทอง

เห็ดเข็มทองถูกเรียกว่า “เจอกันพรุ่งนี้” เพราะ “ถ้าคุณกินเห็ดเข็มทองวันนี้ พรุ่งนี้คุณจะเจอพวกมันอยู่ในอุจจาระ” เห็ดเข็มทองเป็นยาระบาย เนื่องจากมีเส้นใย “ไคติน” ในเปลือก สารนี้ส่วนใหญ่พบในเปลือกกุ้ง ปู และหอย แม้จะเคี้ยวและย่อยได้ยาก แต่ไคตินมีผลต่อลำไส้ ช่วยให้อุจจาระถูกขับออกได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ เห็ดเข็มทองยังมีไฟเบอร์จำนวนมาก 100 กรัม มีไฟเบอร์มากถึง 2.7 กรัม ไฟเบอร์ช่วยให้อุจจาระถูกขับออกมาอย่างรวดเร็ว ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ผู้ที่มีอาการท้องผูกควรรับประทานเห็ดเข็มทองเป็นประจำเพื่อให้อาการดีขึ้น.

ที่มาและภาพ : Soha