หากย้อนกลับไปเมื่อการเลือกตั้งครั้งแรกของพรรคพลังประชารัฐ ชูนโยบายหาเสียงโค้งสุดท้าย อัดสโลแกน  “เลือกความสงบ…จบที่ลุงตู่” ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง 2562 จนได้ สส.เข้าสภาผู้แทนราษฎร ถึง 116 เสียง ชู  “บิ๊กตู่”  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 29  ผนึกกำลัง “3 ป.” โดยมี “4 กุมาร” เป็นตัวชูโรง ได้แก่  นายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์  อดีตรองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค  เสริมทัพด้วยกลุ่มการเมือง  อาทิ กลุ่มสามมิตร  กลุ่มโคราช กลุ่มธรรมนัส กลุ่มชลบุรี กลุ่มกำแพงเพชร เป็นต้น ถือเป็นยุครุ่งโรจน์ของพรรคพลังประชารัฐ ณ เวลานั้น

ผ่านไป 4 ปี ในการเลือกตั้งปี 66  ภายใต้แบรนด์ “พลังประชารัฐ” ครั้งที่ 2  ชู “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ  หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี  กวาด สส.มาได้เพียง 40 เสียง เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในพรรคพลังประชารัฐ จนถึงวันนี้พรรคพลังประชารัฐก็ยังเกิดปัญหาไม่หยุดไม่หย่อน!!

โดยเฉพาะหลังถูกเขี่ยไม่ได้ร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำ “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ที่เจอ “ปิดสวิตซ์บ้านป่า – วงษ์สุวรรณ” ตัดโควตารัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐทิ้ง  4 เก้าอี้  หลังจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรค  ขน สส. 20 คน ออกไป ประกาศตัวเป็น “รัฐอิสระ”  ไม่ขอรับใช้ “บิ๊กป้อม” อีก

จากนั้นก็เกิดปัญหาภายใน มีความขัดแย้ง ภายใต้การนำของ “บิ๊กป้อม” หัวหน้าพรรค พปชร. ที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ปัญหาถาโถมใส่กลายเป็น “หมู่บ้านกระสุนตก” อาทิ ปมร้อน 5 คลิปเสียงคล้ายลุงบ้านป่า ที่ถูกปล่อยออกมาผ่านสื่อจ้องดิสเครดิต  แถมทุกวันนี้ “บิ๊กป้อม”ถูกรุกไล่ ตรวจสอบปมขาดประชุมสภาฯ

โดย “นักร้อง” อย่าง “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย  ยื่น ป.ป.ช. และประธานสภาผู้แทนราษฎร บี้ให้ลาออกจากตำแหน่ง สส.เพราะทำหน้าที่ไม่สมศักดิ์ศรี  เพราะนับตั้งแต่ช่วงที่มีการเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงปลายปี 66  “บิ๊กป้อม” แทบไม่เคยปรากฎตัวบริเวณอาคารรัฐสภามานาน จากนั้นก็ไม่มีชื่อปรากฎว่าเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.66  – 19 ก.ย.67 ที่มีการประชุมทั้งหมด 95 ครั้ง แต่ปรากฏว่า “บิ๊กป้อม” ขาดประชุม 84 ครั้ง  และยังลากไปสู่ปมจริยธรรมเอาผิดในการเดินทางไปต่างประเทศใช้บริการ “เจ้าสัว” ในทำนอง  “บินหรู อยู่สบาย” เข้าข่ายรับทรัพย์เกิน 3,000 บาท จนไม่รู้ว่ามีเรื่องจะมีจุดจบอย่างไร

แถมล่าสุดมีปมคนใกล้ตัวนักการเมืองคนดัง ถูกสังคมตรวจสอบ เรื่องคลิปเสียงหลุด โยงกรณี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ส่งผลกระทบทั้งเจ้าตัวและพรรคพลังประชารัฐ ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อพรรคมากขนาดไหน

ดูท่าทางปัญหานี้น่าจะยังไม่จบแค่นี้ บรรดานักร้องฝ่ายตรงข้ามยังจ้องเล่นงาน โดยเป้าหมายแรกพุ่งไปที่ “บิ๊กป้อม” และพรรคพลังประชารัฐ  ถือเป็นวิบากกรรมที่ตามไล่ล่า โดยฝ่ายตรงข้ามนอกจากเอาผิดส่วนบุคคล ยังหวังให้ถึงขั้น ยุบพรรค

ขณะเดียวกันพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว ระดมสรรพกำลัง ทั้งใต้ดิน บนดิน ทำนิติสงครามโต้กลับ โดยล่าสุด นายธีรยุทธ สุวรรณเกสร  หอบเอกสาร 5,080 แผ่น ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย หยุดติการกระทำในการใช้สิทธิ ที่เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระมหากษัตริย์ 6 ข้อ  โดยเฉพาะมีพฤติการณ์  “เป็นเจ้าของ  – ผู้ครอบครอง – ผู้ครอบงำ  -ผู้สั่งการ”

จากนี้ไปก็ต้องดูว่า “พลังประชารัฐ” จะมีไพ่เด็ด ออกมาอีกหรือไม่  โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปที่ “นายกฯอิ๊งค์” กล่องดวงใจ “ทักษิณ- รัฐบาล”  ที่เล่นกันแรงถึงขั้นไม่เผาผี  สุดท้ายต้องมาลุ้นกันว่า “เพื่อไทย” กับ “พลังประชารัฐ” สุดท้ายใครจล่มสลายก่อนกัน??