เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 ต.ค. 67 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถนนรัชดาภิเษก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พปชร. ผ่านเจ้าหน้าที่พรรครับเรื่อง เพื่อให้พรรคมีมติขับนักการเมือง “ส.” ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จากกรณีที่มีข้อสังเกตว่าอาจเข้าเกี่ยวข้องกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ว่า​ อยากให้พรรคตรวจสอบคลิปเสียงที่เป็นข่าว​ โดยเฉพาะที่มีการเรียกรับเงินเดือนละ 100,000 บาท และตรวจสอบที่คนในคลิปเสียง มีการระบุว่าโยกย้ายข้าราชการได้​ ว่าเสียงดังกล่าว เป็นของนักการเมือง “ส.” หรือไม่ แต่จากการที่ตนสอบถามจากนายสิระ​ เจนจาคะ​ อดีต สส.กทม​ พรรค พปชร. และนายวัน​ อยู่บำรุง กรรมการบริหารพรรค เมื่อฟังแล้วระบุว่า​เป็นเสียงนักการเมือง “ส.” ​จึงอยากขอความชัดเจนจากพรรคว่าจะมีมติในเรื่องนี้อย่างไร จะปกป้องคนที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่ โดยจุดประสงค์ของตน คือต้องการให้ขับออกจากพรรค หากทำให้เสื่อมเสีย หากจำได้สมัยก่อน คนนี้ก็มีข่าวในทางไม่ดี​ จากกรณีให้คนไปทำการสอบแทน และถูกพรรคขับออกไป ต่อมาก็กลับเข้าพรรคอีก

นายษิทรา​ กล่าวว่า นอกจากนั้นอยากให้สื่อช่วยตรวจสอบ เพราะทราบมาว่า นักการเมือง “ส.” ไปซื้อบ้านที่ราชพฤกษ์​ มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท​ ว่าได้มาอย่างไร​ และยังมีเครือข่ายสมาคมต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ที่ทำทั้งคดี บริษัท ยูฟัน​ และเมจิก​ สกิน ยกเว้น​ บริษัท​ ดิ​ ไอคอน​ กรุ๊ป ทำให้มีข้อสังเกตว่าไปรับประโยชน์อะไรหรือไม่ จึงไม่ตรวจสอบ และหากจะทำเพื่อสังคม จะต้องเป็นคนที่ใสซื่อ​ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไม่ใช่ต่อหน้าต่อสู้เรื่องของแชร์ลูกโซ่ แต่เบื้องหลังไปเรียกรับเงิน

“การตรวจสอบของพรรค ไม่น่าจะใช้เวลานาน 1 วัน น่าจะเสร็จ และคิดว่าหากผู้ใหญ่จะทำให้เสร็จ ไม่น่าเกิน 1 เดือน คงไม่ยืดเวลา นอกจากทางพรรคจะช่วยเหลือ และหากปกปิดไม่ลงโทษ อาจจะเอื้ออะไรกันหรือไม่ และคนจะเข้าใจผิดว่าที่นี่มีเทวดาหรือไม่” นายษิทรา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นักการเมืองคนที่ถูกระบุถึง ระบุว่า คลิปไม่ใช่เสียงของเขา และขู่จะฟ้องหากมีการพาดพิง นายษิทรา​ กล่าวว่า​ “ขู่ไปเถอะ” พร้อมย้อนถามว่า​ เคยชนะคดีอะไรบ้างหรือไม่ และที่ตนมายื่นก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับพรรคการเมือง​ แต่ต้องการให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้​ ที่ระบุว่าจะฟ้องกลับนั้น เพราะคิดว่าตัวเองใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร แต่ต้องถามกลับว่า คนๆ นี้ ทำให้เสียใจมากี่ครั้ง

“ไม่อายบ้างหรือ​ เขารู้ทั้งประเทศ​ จะบอกว่าเป็นเอไอได้อย่างไร​ ถ้าเป็นลูกผู้ชาย​ ให้รับผิดชอบออกมายอมรับอย่างแมนๆ และที่สำคัญ​ บอสพอลยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงจริง มีการพูดคุยกับนักการเมือง แต่ไม่ได้ระบุชื่อ ที่ผมพูดเพราะเป็นเรื่องจริง ที่ต้องการให้ตรวจสอบ เพราะอยากให้คนที่จะอาสามารับใช้ประชาชน ต้องใสสะอาด ไม่ใช่ไปไถใคร” นายษิทรา กล่าว.