จากกรณี พอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อาณาจักรธุรกิจออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม พร้อมผู้บริหาร ได้เดินทางมายัง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมกับแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “Drama-addict” ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพ อ้างถึงใบเสร็จของผู้เสียหายรายหนึ่ง โดยระบุข้อความว่า สวัสดีค่ะ อยากให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงช่วยผู้เสียหาย จากบริษัทชื่อดังที่อยู่ต่างประเทศด้วยค่ะ คือผู้เสียหายบริษัทชื่อดัง ไม่ใช่มีแต่ในประเทศนะคะ มีต่างประเทศอีกเยอะค่ะ คนไทยในต่างประเทศที่โดนแม่ข่ายทั้งหลายยิงแอดกันเข้ามาหลอกว่า จะเปิดสาขาที่ต่างประเทศอย่างหนูอยู่ญี่ปุ่น โดนแม่ทีมโดนหลอกเหมือนกัน แม่ทีมพูดตามที่บริษัทให้พูด ว่าเขาจะมาเปิดสาขาที่ญี่ปุ่นนะ เขาต้องการหาพาร์ทเนอร์ที่ร่วมลงทุนกับเขา ต้องการแค่ 10 คน เขามีระบบดีมาก เราอยู่ญี่ปุ่นก็สามารถขายสินค้าได้ทั่วโลก

นอกจากนี้ ถ้าเราขายไม่เก่งก็ไม่ต้องขาย บริษัทมีระบบให้เรียบร้อยแล้ว เขาจะมีเว็บขายสินค้าให้ ถ้าลูกค้าสั่งสินค้าผ่านเว็บ บริษัทก็จะจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าแทนเรา เราก็จะได้กำไรโดยไม่ต้องขาย ไม่ต้องส่งแถมมีโปรฯ เซรั่ม บอกว่าถ้าสมัครดีลเลอร์จะได้ส่วนแบ่งกำไรจากยอดขายเซรั่มขวดละ 2 บาท จากยอดตั้งแต่เปิดตัวเซรั่ม ซึ่งตอนที่เขาให้เปิดดีลเลอร์เขาบอก ตอนนี้เพิ่งเปิดตัว 2 เดือนกว่า ยอดเป็นล้านแล้ว ส่วนแบ่งกำไรเป็นแสนเลยนะ เก็บไว้เป็นมรดกของลูกเลย แค่ส่วนแบ่งกำไรก็คุ้มแล้ว แต่พอสมัครส่วนแบ่งกำไร คือ ขวดละ 2 บาท จากยอดขายทั้งหมด หารตัวแทนที่เป็นดิลเลอร์ไนเดือนนั้นทั้งหมด จากที่บอกขายดีมาก เปิด 2 เดือนกว่า ยอดก็ทะลุล้าน พอผ่านเดือนนั้นไปเดือนมิถุนายน ปี 2566 ยอดขายเซรั่มไม่กระเตื้องเลย เพราะเดือนถัดไป เป็นโปรสินค้าตัวอื่น เซรั่มก็จะไม่ถูกเปิดเป็นดีลเลอร์ นั่นหมายความว่า ที่มันขายได้ เพราะตัวแทนเปิดดีลเลอร์และผลกำไรจากเซรั่มที่เขาบอกจะให้

อีกทั้ง เขาจะจ่ายส่วนแบ่งตัดที่เดือนธันวาคม ปี 2566 และโอนเงินส่วนแบ่งมาให้เดือนมกราคม ปี 2567 ดิลเลอร์ทุกคนที่ขายสินค้าไม่ได้ ก็หวังส่วนแบ่งกำไรตรงนี้มาก บางคนคิดว่าจะได้หลักแสน แต่พอเข้าใจอะไรหลายอย่างก็เข่าทรุดกัน หวังแค่ว่าได้สัก หนึ่งหมื่นก็ยังดี แต่สุดท้ายได้คนละ “สี่พันกว่าบาท” และไม่ได้อะไรอีกเลยจากบริษัท นี่ใบเสร็จของหนูค่ะ แต่ตอนนั้นเขามีส่วนลด เปิดดีลเลอร์เสร็จเขาจะคืนเงินที่เป็นส่วนลดให้ 50,400 บาท ชำระผ่านบัตรเครดิตญี่ปุ่น เลยไม่มีสลิปโอนเงิน ติดหนี้บัตรเครดิตบานเลย เพราะเงินเยนถูกชำระเงินเป็นบาท พอแปลงเป็นเงินเยนเป็นล้านกว่าเยนเลยค่ะ ฝากเป็นกระบอกเสียงให้คนที่อยู่ต่างประเทศด้วยนะคะ หนูไม่ได้บอกใครที่บ้าน แม้แต่สามีที่อยู่ด้วยกัน (สามีญี่ปุ่น) ถ้าบอกคงช็อกกันทั้งบ้าน

ขอบคุณข้อมูล : Drama-addict