เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ที่สัญจรผ่านถนนสายขนานทางรถไฟ (ใต้) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าถนนสายทางรถไฟวังตอ ซึ่งอยู่ในระหว่างที่เทศบาลนครตรัง ได้เป็นเจ้าของดำเนินการจัดทำโครงการปรับปรุงผิวจราจรแอสฟัลติกคอนกรีต โดยมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้รับจ้าง ในงบประมาณจำนวน 6,030,000 บาท ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. (12 ต.ค.) ทางผู้รับจ้างได้ทำการลาดยางมะตอยเต็มพื้นถนนตลอดสาย

แต่ปรากฏข้อเท็จจริงทางกายภาพว่าไม่ได้มีการปิดถนนทางสัญจร และไม่มีป้ายแจ้งห้ามใช้เส้นทาง หรือป้ายสัญญาณเตือนใดๆ ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ไม่ทราบว่ามีการลาดยางมะตอยจึงได้ขับรถเข้าเส้นทางดังกล่าว จนทำให้ยางมะตอยที่ลาดอยู่บนพื้นถนนติดล้อ ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ และยังทำให้ยางมะตอยที่ติดล้อยางได้กระเด็นขึ้นมาติดใต้ท้องรถ ใต้ซุ้มล้อ และพื้นผิวสีตัวรถ จนทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 คัน

ต่อมาผู้เสียหายได้มีการโพสต์แจ้งเตือน รวมทั้งถามหาตัวผู้รับผิดชอบผ่านทางเฟซบุ๊ก สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของผู้รับจ้าง และการควบคุมดูแลจากเทศบาลนครตรัง ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างถึงการประมาทเลินเล่อ ปล่อยปละละเลย หละหลวม สะเพร่าในการดำเนินการ จนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และในขณะเดียวกันผู้เสียหายต่างทยอยเดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.เมืองตรัง กับ ว่าที่ ร.ต.อ.พนธิตร สงวนศักดิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง แล้วกว่า 30-40 ราย โดยต่างทยอยกันมาตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงช่วงมืดค่ำ และคาดว่ายังคงมีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งอย่างต่อเนื่องอีกจำนวนมาก

โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ได้นำผู้สื่อข่าวไปดูรถที่สภาพถูกยางมะตอยเคลือบหนาติดอยู่บนหน้ายางและขอบยาง บางคันหนาหลายเซนติเมตร และส่วนใหญ่ยางมะตอยยังกระเด็นขึ้นมาติดสีรถ และใต้ท้องรถอีกเป็นจำนวนมาก และต่างต้องนำรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายไปล้างขัดยางมะตอยกับร้านคาร์แคร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขัดยางมะตอยไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ตลอดไปจนถึง 2,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดรถ จำนวนยางมะตอยมากหรือน้อย นำออกยากหรือออกง่าย ส่วนบางคันไม่สามารถขจัดยางมะตอยออกได้ทั้งหมดทำให้ยางล้อรถเสียหายไปทั้งเส้น ไม่มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะพื้นถนนได้ตามเดิม รวมทั้งตัวสีรถอีกด้วย

ขณะที่ น.ส.สิริน พลวัฒน์ อายุ 35 ปี ชาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง อาชีพรับราชการ หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ตนขับเข้ามาถนนเส้นดังกล่าวเพื่อจะมารับแมวที่คลินิก ซึ่งทางเข้าซอยทุกทางไม่มีป้ายบอกว่าห้ามเข้าหรือแจ้งเตือน ขณะขับอยู่ก็รู้สึกปกติ แต่เมื่อลงมาจากรถก็พบว่ายางมะตอยได้ติดหนาทั้ง 4 ล้อและทั้งซุ้มล้อแล้ว หลังจากนั้นก็รีบนำรถไปเข้าคาร์แคร์สำหรับขัดยางมะตอย ค่าเสียหายในการขัดของตนอยู่ที่ 1,200 บาท บางคันที่ไปพร้อมกันก็ 1,500 บาท คันเล็กหน่อยก็ 1,000 บาท แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 บาททั้งนั้น ก็เลยมาแจ้งบันทึกประจำวันไว้ก่อน แต่หากไม่มีการเข้ามารับผิดชอบ ก็จะดำเนินการไปอีกขั้นหนึ่ง วันนี้ผู้เสียหายเยอะมาก อยากเรียกร้องไปยังผู้ดำเนินการออกมารับผิดชอบ เพราะไม่มีป้ายเตือน ป้ายบอก ซึ่งผู้เสียหายในวันนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ราย และภายหลังจากที่มีผู้เดือดร้อนจำนวนมากแล้ว ก็ยังมีรถขับเข้าผ่านไปอีกหลายคัน และยังไม่มีการเข้ามาปิดถนนอีกด้วย

ทางด้านนายนพรัตน์ ฐิตโชติ อายุ 54 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง ผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเพราะการก่อสร้างลาดยางมะตอย แต่ไม่มีแผงกัน ประชาชนที่สัญจรไปมาไม่ทราบได้ว่ามีการลาดยางมะตอย เพราะเป็นถนนสาธารณะที่สัญจรไปมาได้ จนทุกคนได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งมีปัญหาในการล้าง การซ่อม การรักษารถยนต์ จึงอยากให้ทางผู้เกี่ยวข้องทำให้งานให้ละเอียด ส่วนที่มาโรงพักกันเพราะอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามารับผิดชอบในความเสียหายของรถยนต์ ซึ่งตนเสียค่าใช้จ่ายในการขจัดยางมะตอยไปจำนวน 1,500 บาท ซึ่งการทำงานหละหลวม การทำถนนเข้าใจได้ว่าเป็นสิ่งดีเพื่อให้สัญจรสะดวก แต่การทำงานถนนกลับเปิดโล่งทั้งที่ลาดยางมะตอยแล้ว

ส่วน นายยงยุทธ สักหลัด หรือผู้ใหญ่สุข หมู่ 6 บ้านหาดยาว ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ผู้เสียหาย กล่าวว่า ยางมะตอยติดล้อรถ เพราะไม่รู้ ฝนตกหนัก ป้ายปิดทางสัญจรไม่มี เข้าออกได้ตลอด อยากให้ทางเทศบาลฯและผู้เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบความเสียหาย จนทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนและอันตราย

เบื้องต้นทางผู้เสียหายได้พยายามติดต่อไปยังเทศบาลนครตรัง ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และยังไม่มีเจ้าหน้าที่ หรือฝ่ายบริหารเทศบาลฯ ออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือชี้แจง หรือขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างได โดยทางผู้เสียหายทั้งหมดได้ตั้งกลุ่มไลน์เพื่อรวมกลุ่มกันไว้ รวมทั้งได้ถ่ายภาพความเสียหายของตัวรถ รวมทั้งบิลใบเสร็จจากการเข้าร้านคาร์แคร์เพื่อขจัดคราบยางมะตอยไว้เป็นหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ถนนสายดังกล่าวเป็นหนึ่งในถนนสายที่ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง ลงพื้นที่ตรวจสอบ เนื่องจากมีการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าถนนยังมีสภาพดีอยู่ แต่ปรากฏว่าได้มีการรื้อถนนเดิมออกแล้วทำใหม่ ซึ่งขณะนี้เรื่องยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกจากสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง โดยเทศบาลนครตรัง ได้จัดทำโครงการ ปรับปรุงผิวจราจรแอสฟัลติกคอนกรีต ตั้งแต่ 1 มี.ค. 67 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 67 รวม 34 โครงการ จำนวนประมาณ 170,529,480.16 บาท ซึ่งได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน.