หลังเป็นข่าวดังหลังสะท้านวงการธุรกิจเครือข่าย เมื่อพิธีกรชื่อดัง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ออกมาเปิดเผยข้อมูลของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งมีดาราระดับท็อปเป็นบอส และมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนว่าถูกขายฝันให้ร่วมลงทุน แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างนั้น ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหลายราย โดยข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากผู้เสียหายที่ทำการสอบไปแล้ว 80 ปาก ได้แจ้งว่าผู้ถูกกล่าวหาได้มีการชักชวนให้ทำธุรกิจ โดยเป็นตัวแทนของบริษัท มีการให้อบรมเสียค่าอบรม จากนั้นเข้าสู่กระบวนการเปิดเครดิต และอัปเกรดเป็นขั้นบันไดเริ่มจาก 2,500 25,000 และ 250,000 บาท ก็มีความเป็นไปได้ที่บริษัทดังกล่าว จะเข้าข่ายความผิดที่เกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจการขายตรง แชร์ลูกโซ่ หรือการหลอกร่วมลงทุน โดยรวมมูลค่าความเสียหายที่สอบสวนทั้ง 80 คน อยู่ที่ 31 ล้านบาท ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ผู้ร้องร้องให้เอาผิดเครือข่ายดังกล่าว ในความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตามพระราชกำหนด กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มาตรา 4, 5 และ12 พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พุทธศักราช 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2560 มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง”

นอกจากนี้ การตรวจสอบข้อกฎหมาย กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ในหัวข้อ เงินสินบนและเงินรางวัล ระบุว่า “เพื่อให้การปราบปรามผู้กระทําความผิดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฉบับนี้ในเรื่องของสินรางวัล สําหรับผู้แจ้งเบาะแส เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจค้นหรือจับกุม”

บทลงโทษ
มาตรา 11/1 ในกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทําความผิดตามมาตรา 4 หรือมาตรา 5 ให้ผู้แจ้งเบาะแสการกระทําความผิด มีสิทธิได้รับเงินสินบนและให้เจ้าพนักงานผู้ตรวจค้นหรือจับกุมผู้กระทําความผิดมีสิทธิได้รับเงินรางวัล โดยให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลสั่งจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลจากค่าปรับที่ผู้กระทําความผิดได้ชําระต่อศาลเมื่อคดีถึงที่สุด

มาตรา 12 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 4 หรือมาตรา 5 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่

ถ้าหากเป็นกรณีขายตรง แต่มีลักษณะชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรง ถือเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา19 กําหนดโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับ ไม่เกิน 500,000 บาท ตามมาตรา 46

อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินสินบนและรางวัลให้จ่ายเป็นจํานวนรวมกัน แล้วร้อยละยี่สิบห้าของค่าปรับที่ได้ชําระต่อศาล หลักเกณฑ์และวิธีการขอรับเงินสินบนและเงินรางวัล การกําหนดส่วนแบ่งในระหว่างผู้มีสิทธิหลายราย และการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกําหนด

ขอบคุณข้อมูล : ด้านสืบสวนสอบสวนและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี