เมื่อวันที่ 10 ต.ค. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการต่อเรื่องร้องเรียนเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 เกี่ยวกับพฤติการณ์ของชาวเวียดนาม ที่เสพกัญชาและสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในชุมชน ถึงแม้ว่าปัจจุบันกัญชาจะไม่ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 แต่ปัญหากัญชายังคงส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนต่อสังคม ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมดำเนินการตรวจสอบอย่างทันที เพื่อให้ประชาชนในสังคม ได้รับความพึงพอใจและรู้สึกปลอดภัยในการดำเนินชีวิต รวมถึงอีกหลายประเทศ ได้รับผลกระทบต่อปัญหากัญชาที่ถูกลักลอบลำเลียงจากประเทศไทยไปยังประเทศที่สาม อย่างกรณีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา Mr. Mark Gooding OBE เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบเลขาธิการ ป.ป.ส. เพื่อหารือเรื่องปัญหาการลักลอบลำเลียงกัญชาจากประเทศไทยไปยังสหราชอาณาจักร โดยในปี พ.ศ. 2567 พบการลักลอบลำเลียงกัญชา ซึ่งมีต้นทางจากประเทศไทย ไปยังสหราชอาณาจักร ในสัดส่วนสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งทาง ป.ป.ส. ได้ให้ข้อมูลกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาในปัจจุบัน รวมทั้งพร้อมให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ สหราชอาณาจักร (National Crime Agency: NCA) และหน่วยงานต่างประเทศอื่น ๆ เพื่อสืบสวนขยายผลต่อครือข่ายยาเสพติด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวต่อว่า จากการหารือดังกล่าว สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้ติดตามเฝ้าระวังปัญหากัญชาที่จะส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนต่อสังคมอย่างใกล้ชิด โดยผลการดำเนินงานครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ก.ย. พลเมืองดีได้แจ้งเบาะแสร้องเรียนยาเสพติดผ่านสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ให้ข้อมูลว่า มีกลุ่มชาวเวียดนามมีพฤติการณ์เสพกัญชาส่งกลิ่นเหม็นรบกวน และพบการขนกระสอบคาดว่าเป็นกัญชาแปรรูปที่บ้านเช่าในพื้นที่ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. ตนจึงมอบหมายให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สั่งการชุดปฏิบัติการเข้าตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวทันที ซึ่งผลการตรวจสอบพบชายชาวเวียดนาม 7 ราย และภายในบ้านพักพบกัญชาบดจำนวน 128 กก. บรรจุอยู่ภายในกระสอบ 17 กระสอบ

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า กรณีการส่งกลิ่นกระทบประชาชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง สน.บึงกุ่ม เพื่อดำเนินคดีข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ โดยเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 5,000 บาท และจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด นำกัญชาไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ กทม. โดยไม่มีใบอนุญาตให้จำหน่ายและแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า กรมการแพทย์แผนไทย จึงได้ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาในความผิดมาตรา 46 พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 ซึ่งต้องถูกระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ในวันนี้ พนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฟ้องต่อศาลต่อไป.