รายงานข่าวจาก สำนักงาน กสทช. เปิดเผยว่า ในการการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา ปรากฎวาระค้างพิจารณา เมื่อครั้งที่ 20 ในวาระ 4.11  การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และการรับสมัครคัดเลือกบุคคล เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. (ลับ) ซึ่งทั้งนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ สายงานยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร และ นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการสายงานโทรคมนาคม จะหมดวาระ 5 ปี ในเดือน เม.ย. 68

โดย ได้มีเอกสารที่น่าสนใจ 2 ฉบับ หลุดออกมาจากสำนักงานกสทช.  นั่นคือ คำสั่งแต่งตั้งนายไตรรัตน์ เป็นพนักงานประจำไปจนถึงเกษียณ ลงวันที่ 7 ต.ค. 2567    ลงชื่อคำสั่ง โดย นายสุทธิศักดิ์ เพื่อให้มีผลการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 68 เป็นต้นไป หลังหมดวาระ และ หนังสือขอยกเลิกคำสั่งดังกล่าว

สำหรับหนังสือคำสั่งแรก ในการแต่งตั้งนายไตรรัตน์ ให้ทำงานต่อหลังหมดวาระจนเกษียณนั้น หนังสือระบุอ้างระเบียบกสทช.ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2565 ข้อ 88 ที่กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสายงานยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร อยู่ก่อนระเบียบนี้ใช้บังคับ ดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบระยะเวลาตามสัญญาจ้าง

เมื่อครบกำหนดระยะเวลา หากผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้ผู้นั้นดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไปและถือเป็นพนักงานซึ่งปฏิบัติงานเป็นการประจำ โดยที่นายไตรรัตน์ ได้ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นพนักงานซึ่งปฏิบัติงานเป็นการประจำ ตามหลักเกณฑ์ที่ประธานกสทช.กำหนด อาศัยอำนาจตามความในข้อ 9 (1) ของระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2565

อย่างไรก็ตามหลังหนังสือออกมาเพียงข้ามวัน นายสุทธิศักดิ์ มีการทำหนังสือขอยกเลิกคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ายังมีประเด็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวเป็นการปฎิบัติงานเฉพาะอย่างแทนใน ด้านเลขาธิการ กสทช.ตามคำสั่งสำนักงานกสทช.ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นประเด็นข้อกฎหมายว่ามีอำนาจหน้าที่หรือไม่ ดังนั้นจึงขอให้สำนักงานดำเนินการทำหนังสือยกเลิกคำสั่งดังกล่าว

แหล่งข่าวจาก สำนักงาน กสทช. กล่าวถึง คำสั่งดังกล่าว ที่มีการ แต่งตั้ง และ ยกเลิกคำสั่ง เพียงข้ามวัน  ว่า มีคนในสำนักงาน กสทช.สอบถามการร้องเรียนการแต่งตั้งนายไตรรัตน์ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงมีการร้องเรียนไปยัง คณะกรรมการติดตามและประเมินผล การปฏิบัติงาน กสทช. (กตป.) ด้วย ทำให้นายสุทธิศักดิ์ กังวลใจถึงอำนาจในการทำหน้าที่รักษาการแทนนายไตรรัตน์ระหว่างที่นายไตรรัตน์เดินทางไปต่างประเทศ

ทั้งนี้ย้อนไปเมื่อการประชุมครั้งที่ 24/2564 วันที่ 17 ธ.ค. 64 วาระที่ 5.3.8 เรื่องข้อเสนอหลักการการปรับปรุงระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2555 ว่า มติที่ประชุม ที่ประชุมเสียงข้างมาก (กสทช. พลเอก สุกิจฯ ทำหน้าที่ประธาน กสทช. กสทช. พันเอกนทีฯ กสทช. พลโท พีระพงษ์ฯ กสทช. นายประเสริฐฯ และ กสทช.นายธวัชชัยฯ) มีมติเห็นชอบตามเอกสารที่สำนักงาน กสทช. เสนอ ดังนี้

1.เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2555 เพื่อให้สอดคล้องกับการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายตามพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ.2558 ตามเอกสารที่สำนักงาน กสทช. เสนอ

2. เห็นชอบให้กำหนดตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. สายงานยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร เป็นตำแหน่งพนักงานประจำ โดยเข้าสู่ตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน กสทช. กำหนด โดยความเห็นชอบของ กสทช. ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. สายงานยุทธศาสตร์และกิจการองค์กรอยู่ในปัจจุบัน เมื่อครบวาระการดำรงตำแหน่ง หากมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ให้บรรจุและแต่งตั้งเข้าเป็นพนักงานประจำต่อไป

3.มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. แก้ไขปรับปรุงระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2555 ตามความเห็นของกรรมการ และนำเสนอประธานกสทช. เพื่อพิจารณาลงนาม ก่อนนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป

ขณะที่ประชุมเสียงข้างน้อย (กสทช. ประวิทย์ฯ) ขอสงวนความเห็นแตกต่างจากมติที่ประชุมเนื่องจากแม้จะเห็นด้วยในเรื่องการปรับปรุงเพื่อรวมระเบียบด้านการบริหารงาน บุคคลต่างๆ เข้าด้วยกัน แต่ในประเด็นสาระการปรับปรุงตามที่สำนักงาน กสทช.เสนอ นั้น

โดยทาง นพ.ประวิทย์ เห็นว่าในส่วนของการเสนอให้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งรองเลขาธิการและผู้เชี่ยวชาญให้เป็นตำแหน่งประจำเป็นเรื่องที่จะส่งผลผูกพันในระยะยาวในลักษณะจำกัดสิทธิของคณะกรรมการ กสทช. ชุดใหม่ที่กำลังจะเข้าดำรงตำแหน่ง รวมถึงเลขาธิการของสำนักงาน กสทช. ที่จะต้องมีการสรรหาในโอกาสต่อไป โดยทำให้ทั้งกสทช. ชุดใหม่และเลขาธิการคนใหม่จะไม่มีโอกาสได้สรรหารองเลขาธิการด้านต่างๆ เอง ดังนั้นจึงควรรอให้คณะกรรมการ กสทช. ชุดใหม่เป็นผู้พิจารณาในประเด็นนี้ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเร่งพิจารณาในช่วงสุดท้ายของวาระกรรมการชุดปัจจุบัน

แหล่งข่าว กล่าวต่อว่า  กรรมการกสทช.ชุดที่แล้ว โดยมี พลเอก สุกิจ ขมะสุนทร เป็นประธาน มีมติ เห็นชอบในหลักการ ให้ตำแหน่งรองยุทธศาสตร์ เป็นพนักงานประจำ โดยให้แต้มต่อนายไตรรัตน์ ก่อน หากกรรมการกสทช.ชุดหน้าประเมินให้ผ่าน และ กสทช.ทั้งชุดต้องร่วมกันออกหลักเกณฑ์ในการประเมิน ถ้าไม่ผ่านต้องสรรหาใหม่ และคนที่ได้ตำแหน่งนี้ก็เป็นพนักงานประจำไปจนถึงเกษียณ

ที่สำคัญการแต่งตั้งให้ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ไม่ใช่ 180 วัน อีกตั้ง 6 เดือน ตรงนี้ถือว่ารีบเกินไป และบอร์ด กสทช.ยังไม่ได้ร่างหลักเกณฑ์การประเมิน แต่สำนักงานกลับใช้หลักเกณฑ์การประเมินที่เป็นการประเมินพนักงาน ไม่ใช่ การประเมิน ตำแหน่งรองยุทธศาสตร์อย่างที่บอร์ดชุดที่แล้วตั้งใจ  หรือ หากกลัวว่า บอร์ดกสทช.ชุดใหม่จะประเมินไม่ผ่าน เพราะนายไตรรัตน์มีปัญหาเรื่องการฟ้องร้องคดีกับกสทช.เสียงข้างมาก ก็ไม่ควรกังวล เพราะหากมีผลงาน บอร์ดกสทช.คงไม่มีใครกล้าประเมินไม่ผ่าน เพราะอาจเข้าข่ายความผิด 157