เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน   ที่มีนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ   สส.นราธิวาส   พรรคประชาชาติ  เป็นประธาน  มีวาระการพิจารณาติดตามผู้ต้องหาคดีตากใบ หลังจากที่ศาล จ.นราธิวาส ฟ้องและออกหมายจับจำเลย 7 คน   และอัยการสูงสุดเห็นแย้งกับพนักงานสอบสวน ที่มีคำสั่งส่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน  รวมทั้งหมด 14 คน ซ้ำกับจำเลยเดิม 1 คน  

โดยในที่ประชุมได้มีตัวแทนจากคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ    เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ยังมีการเชิญ   ตัวแทนจากโจทก์และตัวแทนผู้ร้องในคดีดังกล่าว   คือ นางพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ  ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม    มาในฐานะตัวแทนโจทก์ในคดี      และได้มีการเชิญ กองทัพบก  ผู้อำนวยการ รักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า  สภาความมั่นคงแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 9   และอัยการภาค 9 โดยแต่ละหน่วยงานได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง

นายวิทยา แก้วภราดัย   กรรมาธิการได้สอบถามว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตม.เกี่ยวกับจำเลย 14 รายแล้วหรือไม่   พ.ต.อ.รังษี มั่นจิตร   ตัวแทนจากตำรวจภูธรภาค 9 แจ้งว่าได้มีการส่งหมายจับไปยัง ตม. แล้ว เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลตามหมายจับมีการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่   หากตรวจพบก็จะแจ้งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประสานไปยังตำรวจอินเตอร์โพล

นายกมลศักดิ์   ได้ถามต่อว่า ตม.แจ้งว่า จำเลยทั้ง 14 รายยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศใช่หรือไม่    พ.ต.อ.รังษี กล่าวว่า เนื่องจากการประชุมวันนี้ไม่ใช่การประชุมลับ   นายกมลศักดิ์ ยังคงยืนยันในคำถามเดิมโดยมองว่า เป็นข้อมูลที่น่าจะเปิดเผยได้   ไม่ได้ลงในรายละเอียดว่าเดินทางออกเมื่อไรไปที่ใด    เพียงอยากรู้ว่ากี่รายเท่านั้นและไม่น่ากระทบกับรูปคดี     พ.ต.อ.รังษี จึงชี้แจงเพียงว่ามี 2 ราย   แต่ขอสงวนรายชื่อว่าเป็นบุคคลใด

ด้าน น.ส.นิตยา มีศรี สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ  สอบถามว่าระหว่างวันที่ 12 ก.ย.ที่ศาลอนุมัติหมายจับ ไปจนถึงวันที่ 20 ก.ย.มีการประสานกับตม. ถึงการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่     พ.ต.อ.รังษี  ชี้แจงว่าทันทีที่ทราบหมายจับในวันที่ 12 ก.ย.ได้ประสานไปยัง ตม.ทันที   แต่ตม.แจ้งกลับมาว่ามีคนเดินทางออกนอกประเทศไปก่อน ที่จะมีการออกหมายจับ 2  ราย

ทั้งนี้ได้มีการสอบถามต่อถึงกระบวนการเช็คพิกัดของสัญญาณโทรศัพท์ และการติดตามตัว    นอกเหนือจากการบุกค้นบ้านตามทะเบียนบ้าน     พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่าเราไม่ได้เลือกปฏิบัติ   ยืนยันว่าเรามีการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์   ถิ่นที่อยู่ หรือบุคคลใกล้ชิด  และไม่ได้มุ่งเรื่องโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว    แต่ใช้การติดตามข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ทุกอย่าง เชื่อว่าคนร้ายต้องทิ้งร่องรอยไว้อยู่แล้ว เหมือนกับกรณีของแป้งนาโหนด ที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้จึงตามได้

ด้านนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.พรรคประชาชน ในฐานะตัวแทนจากกรรมาธิการความมั่นคงฯ   กล่าวว่าสิ่งที่ชี้แจงพยายามจะบอกว่าได้ปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยง    การไม่ปฏิบัติหน้าที่   แต่สิ่งที่สังคม อยากรู้คือผู้ต้องหาทั้ง 14 รายอยู่ที่ไหน   จากข้อมูลที่ตนทราบบุคคลที่หนีออกไปนอกประเทศคนหนึ่งอยู่ที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ   อีกคนอยู่ที่โตเกียวประเทศญี่ปุ่นใช่หรือไม่    ทางตำรวจได้พยายามติดตามสื่อสารเพื่อขอตัวแล้วหรือไม่

พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 14 หมายจับอยู่ที่ไหน  ส่วนที่ถามว่ายืนยันหรือไม่ว่ามีผู้ต้องหาหลบหนีไปที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และโตเกียวประเทศญี่ปุ่นนั้น   ถือว่าท่านให้เบาะแส   ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องไปยังอินเตอร์โพลเพื่อขอหมายแดงเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 7 ต.ค. พร้อมชี้แจงกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า หลังวันที่  12  ก.ย.ที่ศาลนราธิวาส ออกหมายจับโดยหมายศาล    แต่วันที่ 20 ก.ย. พนักงานสอบสวนไปขอหมายจับจากศาลปัตตานี    และวันที่ 21 ก.ย.ออกหมายจับ  ได้มีการเร่งรัด  และตามโดยมีเดทไลน์ 25 ต.ค.  และนำหมายศาลลงไปในระบบครามส์ของตำรวจ

ขณะที่นายคุณากร   มั่นนทีรัย สส.พรรคประชาชนในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่าผู้ต้องหาหลายคน รับราชการทหาร ตำรวจ และมีทหาร 3 คน ที่ยังไม่เกษียณราชการ ซึ่งคนเหล่านี้มีนายทหารติดตาม ได้มีการตรวจค้นบ้านพัก หรือติดตามข้อมูล กับบุคคลเหล่านี้หรือไม่     พ.ต.อ.รังษี ยืนยันว่าได้มีการติดตามตรวจสอบทุกขั้นตอน เส้นทางการเงิน   รวมถึงการติดตามสอบสวนและติดตามหาข่าว

ด้านน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว  สส.พรรคประชาชนในฐานะกรรมาธิการ ได้สอบถามว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้ง Watch List กับผู้ต้องหาหลังจากที่ศาลประทับรับฟ้องคดีนี้เลยหรือไม่   เพื่อติดตามผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย    พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง  ตม.ตามระเบียบ   แต่  ตม.จะดำเนินการแล้วหรือไม่  เราไม่ทราบแต่ระเบียบมีอยู่   ถ้าเจ้าหน้าที่ผิดพลาดก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล   ขอให้เข้าใจความหมายนี้ด้วย

จากนั้นนางพรเพ็ญ ในฐานะตัวแทนโจทก์ ได้สอบถามอัยการที่เป็นทนายความให้กับจำเลยที่   8-9    ตัวแทนอัยการได้ชี้แจงว่ากรณีเจ้าหน้าที่รับเจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหา โดยราษฎรฟ้อง    อัยการเรามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปรับแก้ต่าง    โดยไม่ต้องจ้างทนาย ตาม  พ.ร.บ. อัยการและพนักงานอัยการมาตรา 14 (4)   โดยเหตุผลที่เป็นทนายเพราะจำเลยทั้ง 2 รายสังกัดกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง   แต่ผู้ต้องหารายอื่นพนักงานอัยการไม่รับแก้ต่าง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งของการประชุม นายวิทยา ได้กล่าวว่าหลังจากดูชื่อ มาถามตรงนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก   เพราะคนที่โดนออกหมายจับเป็นผู้บังคับบัญชาของทุกคนในนี้ยกเว้นอัยการ   ที่ไม่มีผู้บังคับบัญชา แต่ที่เหลือเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาทั้งหมด เรื่องนี้หากจะเดินต่อได้ให้ถามรัฐบาล ถามตรงนี้ไม่มีคำตอบ   ต่อให้ตอบก็ตอบไม่ถูก   บางทีบางคนในนี้ยังไม่รับราชการดี เพราะในผู้ต้องหายศต่ำที่สุดคือผู้ว่าราชการจังหวัด   ตอนนี้ก็อายุจะ 80 แล้ว และป่วยหนัก

โดยหลังจากพูดจบนายวิทยาได้ลุกออกจากห้องประชุมทันที    ขณะที่ระหว่างการประชุมห้องประชุมสภาได้มีการเรียกลงมติ ซึ่งที่ประชุมกมธ.ขอพักการประชุม แต่ สส.ของพรรคประชาชน และนายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม   ระบุว่าการลงมติใช้เวลานาน จึงขอให้ดำเนินการประชุมต่อ   ขณะที่ สส.พรรคอื่นในกรรมาธิการ ได้ลุกออกจากห้องประชุมไปลงมติ โดยในที่ประชุมเหลือเพียง  สส.พรรคประชาชน และสส.พรรคเป็นธรรม  ที่ดำเนินการพิจารณาต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ในการประชุมญาติผู้เสียหายได้ติดตาม ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์  โดยกล่าวว่าอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งจับกุมผู้ต้องการให้ได้ทั้งหมด  และอยากเห็นและรอความยุติธรรมจากคดีดังกล่าว ขณะที่ทางตำรวจก็ได้กล่าวย้ำว่าเร่งรัดการจับกุมอยู่.