นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังหารือทวิภาคีกับนายมะไลทอง กมมะสิด รมว.อุตสาหกรรมและการค้าของ สปป.ลาว ณ นครหลวงเวียงจันทน์ ว่าได้มีการหารือถึงการขยายความร่วมมือการค้าระหว่าง 2 ประเทศ โดยไทยได้ขอให้ สปป.ลาว พิจารณากลับมาเปิดทำการด่านชายแดนที่ยังปิดอยู่และอำนวยความสะดวกบริเวณด่านชายแดนที่มีในปัจจุบัน ซึ่งปี66 การค้ารวมไทย- ลาวมีมูลค่าสูงถึง 7,634.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตั้งเป้าหมายเพิ่มการค้าทั้งสองฝ่ายให้ถึง 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 68

นอกจากนี้ ไทยยังขอให้ ลาวอำนวยความสะดวกการส่งออกสินค้าไทยผ่านแดนไปจีนและเวียดนามผ่านเส้นทาง อาร์3เอ, อาร์9, อาร์12 และรถไฟลาว-จีน  หลังจากช่วยกลางปีที่ผ่านมา สปป.ลาว ได้มีการผ่อนปรนมาตรการให้รถบรรทุกสินค้าของไทยผ่านเข้าลาว ทำให้ไทยได้รับความสะดวกในการขนส่งผลไม้จากไทยไปสู่จีนได้อย่างดี และขอให้พิจารณาทบทวนระยะเวลาการขออนุญาตนำเข้า-ออก ยานพาหนะชั่วคราว ในรูปแบบของการท่องเที่ยวและขนส่งสินค้าจาก 15 วันเป็น 30 วัน โดยทางรัฐมนตรีการค้าฯ ยินดีที่จะดำเนินการให้ไทยได้ตามคำขอ

ส่วนการเร่งเจรจาจัดทำกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันให้มีคืบหน้าการเจรจา 50%  ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาเอสเอ็มอีของสปป.ลาว ให้เข้าถึงการขายสินค้าทางออนไลน์ มากขึ้น อันจะเป็นช่องทางทำให้เพิ่มมูลค่าการค้าของลาวได้ โดยไทยจะช่วยหยิบยกประเด็นให้ลาวร่วมสนับสนุนการเจรจากรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ด้วย

นายพิชัยกล่าวว่า ไทยยินดีสนับสนุน ช่วยเหลือ สปป.ลาว ในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการฝุ่นควันข้ามแดนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการทำการเกษตรที่ยั่งยืน  ขณะเดียวกัน สปป.ลาวขอให้ไทยรับซื้อสินค้าเกษตรจากลาวเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร อันจะทำให้เศรษฐกิจของลาวขยายตัว ซึ่งหลังจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศจะมีการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว ครั้งที่ 8 โดยมีไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม เพื่อผลักดันความร่วมมือสองฝ่ายต่อไป