เมื่อวันที่ 8 ต.ค. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี คุณบีม ภรรยาของนายตำรวจระดับสารวัตร ร้องไปยังเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ return part 6 แฉว่าสามีนอกใจโดยหญิงมือที่สาม เป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าสบู่ดังใน TikTok

คุณบีม เมียหลวง ซึ่งมาร้องเรียนกับทางเพจ มีหลักฐานเป็นคลิปภาพและเสียงที่สามีไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับหญิงมือที่สาม ตอนนี้เมียกลับต้องเป็นฝ่ายกลัวว่าจะถูกฟ้องกลับ เพราะเชื่อว่า หญิงมือที่สามมีเจ้าหน้าที่เป็นแบ๊ก ถึงขั้นที่เมียหลวงเคยคิดสั้นเพราะหมดหนทาง

โดยคุณบีมเริ่มต้นเล่าว่า ตนเองเป็นแม่ม่ายลูก 1 สามีเก่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ตนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจนลูกอายุได้ประมาณ 9 ขวบ จนกระทั่งเมื่อปี 2562 ได้รู้จักกับ นายเอ ตำรวจหนุ่มรายนี้ ผ่านทางแอปหาคู่ โดยเขาเข้ามาจีบ บอกว่า ตัวเองเป็นพ่อม่ายลูก 2 และชีวิตครอบครัวไม่ประสบความสำเร็จ ต้องการลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวใหม่ ตำรวจหนุ่มตามจีบอยู่เดือนกว่าๆ ก่อนตัดสินใจคบหากัน เพราะรู้สึกคลิก เข้าอกเข้าใจกันดี

หลังคบกันได้ 2 ปี ตนจับได้ว่า ตำรวจหนุ่มไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงทางภาคใต้ เป็นเจ้าแม่ปล่อยเงินกู้ ชื่อ “ซูกัส” ซึ่งตนไปเจอแชตไลน์ว่าเขาส่งหัวใจหากัน ตนเค้นถามจนคุณเอ ตำรวจหนุ่ม ยอมรับว่า แอบไปคบหากับผู้หญิงคนนี้จริง แต่คบเพื่อผลประโยชน์ เพราะไปเอาเงินเขามา 7-8 แสนบาท ทำให้เลิกไม่ได้ ขอคบไว้อีกคน คุณบีมจึงบอกให้ตำรวจหนุ่มจดทะเบียนสมรสกับตน โดยทำข้อตกลงว่า ยินยอมให้มีผู้หญิงอีกคน แต่ห้ามมีลูกหรือมีพันธะผูกพันใดๆ หลังจากนั้น ตนและสามีก็ใช้ชีวิตร่วมกันปกติเป็นคู่ผัวตัวเมีย ฝ่ายสามีก็ยังไปมาหาสู่กับเจ้าแม่เงินกู้รายนี้เหมือนเดิม

แต่นายเอ สารวัตรหนุ่ม โต้แย้งว่า ไม่จริง ตนกับซูกัสเป็นแฟนกันมาก่อนที่จะมาเจอเขา แต่บีมมาระรานจนครอบครัวของตนพัง หลังจากเลิกรากับซูกัส ก็พูดคุยเป็นเพื่อนกันมา แต่บีมมาข่มขู่ ระรานชีวิตตนสารพัด ตนผิดพลาดเองที่ยอมไปจดทะเบียนสมรสกับบีม แต่ความเป็นจริง ตนไม่ได้รัก ไม่เคยใช้ชีวิตฉันสามีภรรยากับบีมเลย มีแค่ทะเบียนสมรสที่ค้ำคออยู่

ขณะที่ บีมยืนยันว่า ใช้ชีวิตคู่กันเหมือนสามีภรรยาคู่อื่น แต่ชีวิตมาเปลี่ยน สามีเริ่มไม่กลับบ้าน เริ่มติดต่อยาก จนตนจับได้อีกว่า สามีไปยุ่งเกี่ยวกับสาวอีกราย ที่จับได้เพราะตนเข้าไปเล่น TikTok และไปเจอช่องหนึ่งกำลังไลฟ์สดขายสบู่และลงคลิปขายสบู่ ขายของออนไลน์ ตนตกใจมาก เพราะสารวัตรในคลิป คือสามีตนเอง ใส่เครื่องแบบเต็มยศ present ตัวเองต่างๆ นานา ว่าเป็นตำรวจยศพันตำรวจตรี สินค้าของเรามีทั้งสบู่อาหารเสริม มั่นใจเลยว่าเป็นของดี การันตีด้วยตัวเอง

พอตนเห็นแบบนั้น ก็ยิ่งเข้าไปส่องให้ลึกลงไปอีก และดูคลิปต่างๆ ที่สามีมีการลงไว้ ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่จะอยู่ในคลิปด้วย แต่ไม่เห็นหน้าเต็มๆ มาแค่เสียงบ้าง มาแค่มือบ้าง มีการลูบไล้ขาของสามีตน และเสียงพูดคุยหยอกล้อกันอย่างกระหนุงกระหนิง ตนมั่นใจเลยว่าเป็นเสียงของสามีและขาของสามีตนเองแน่นอน ตนดูทุกคลิป จนเจอว่าผู้หญิงคนดังกล่าวคือเจ้าของสบู่แบรนด์ดังใน TikTok นั่นเอง

หลังจากตนเห็นคลิป จึงเก็บหลักฐานและสืบจนมั่นใจแล้วว่า ทั้งคู่น่าจะมีสัมพันธ์กันเกินเลย ตนจึงถามสามี แต่สามีอ้างว่าเป็นคอนเทนต์เพื่อเพิ่มยอดขาย และตัวเองในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนกับแบรนด์ดังกล่าว ก็ต้องไลฟ์สดช่วยกันขายของ ตนไม่เชื่อจึงพยายามติดต่อไปที่ฝ่ายหญิงเจ้าของแบรนด์

ในรายการมีการถกประเด็นสำคัญ คือคลิปเจ้าปัญหา เป็นคลิปเอามือลูบขา ลูบใกล้เป้ากางเกง โดยทางคุณบีมภรรยา ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นมือของสามี ที่ไปลูบต้นขาของผู้หญิง

ขณะที่คุณแอน เจ้าของแบรนด์สบู่ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สาม ยืนยันว่า เป็นแค่คอนเทนต์ขายของ ทำให้เห็นว่าใช้สบู่แล้วขาจะขาวแบบนี้ และขาก็เป็นขาของสารวัตร ส่วนมือเป็นมือของตน คุณบีมเข้าใจผิด

ในรายการต้องเปิดคลิปและหยุดภาพพิสูจน์ ว่าที่แขนมีไฝอยู่ ยืนยันว่าเป็นแขนของคุณแอนจริงๆ แต่ถึงจะเป็นมือใคร ขาใคร การกระทำมันก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี

ต่อมาคุณบีมเปิดคลิปอื่นๆ ที่เป็นภาพของคุณแอน คุณเอ นอนอยู่บนที่นอน เรียกกันว่าผัวเมีย มีคลิปที่ทั้งสองคนไปอินเดียด้วยกัน เขียนข้อความบอกว่าเป็นแฟนกัน ซึ่งคุณแอนโพสต์คลิปเหล่านี้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา

คุณแอนพยายามชี้แจงว่า จ้างคุณเอมาเป็นบอดี้การ์ด เพราะว่าธุรกิจของเราต้องมีคนดูแลความปลอดภัย และเขาก็ใช้ชีวิตอยู่กับตนเป็นส่วนใหญ่ ไม่รู้ว่าเขามีลูกมีเมีย มีทะเบียนสมรส

คุณแอนยังบอกว่า รักและเอ็นดูสารวัตรเอ เป็นน้องชายคนหนึ่ง เป็นเหมือนคนในครอบครัว

ส่วนข้อความที่เขียนไปว่าเป็นแฟน เป็นผัวเป็นเมีย ยืนยันว่าตนมีแฟนเป็นตำรวจจริงๆ แต่ไม่ใช่นายเอ แต่เอานายเอมาถ่ายคอนเทนต์ เพื่ออวดว่าเรามีแฟนเป็นตำรวจ ซึ่งเรามีจริงๆ แต่ไม่ได้เอาแฟนตัวเองมาถ่ายคลิปเฉยๆ

ขณะที่สารวัตรเอ บอกว่าคุณบีมสร้างปัญหาให้ตนไม่เว้นแต่ละวัน ติดพนันออนไลน์ เอาเงินไปเล่นพนัน แล้วชอบไปขู่กรรโชกทรัพย์สามีตัวเอง และเคยขู่หลายครั้งว่าจะเอาให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้ถึงขั้นออกจากราชการ ถ้าไม่ยอมให้เงิน ที่สำคัญภรรยาหลอกสามีจดทะเบียนสมรส และสามีก็มาจับได้ภายหลังอีกว่า ภรรยาก็มีการคุยกับชายอื่นในทำนองชู้สาวเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ทางทนายแก้ว และ ทนายไพศาล นั่งฟังเรื่องราวมาจนจบ แล้วชี้ว่า ปัญหาทั้งหมดที่สองฝ่ายเล่ามา ปัญหาคือทะเบียนสมรสมันบังคับทุกอย่างไว้หมด การที่สารวัตรจะมาอ้างว่าไม่อยากจด ถูกข่มขู่อะไรต่างๆ มันอ้างไม่ได้ แล้วจะมาทำบันทึกตกลงยินยอมให้มีหญิงอื่นได้ อันนี้ตามกฎหมายมันทำไม่ได้ มันขัดต่อศีลธรรม แต่สุดท้ายมันคือการที่สองฝ่ายมีการจดทะเบียนสมรส ถ้าสารวัตรซึ่งควรต้องรู้กฎหมายอยู่แล้ว บอกว่า จับได้ว่าภรรยาแอบคุยคนอื่น หรือติดพนัน หรืออะไรต่างๆ ทำไมไม่ฟ้องหย่าตั้งแต่แรก

แล้วในเรื่องของคุณแอน ที่ไปลงคลิปลงรูป วิญญูชนดูก็รู้ว่ามันมีการสื่อให้คนทั่วไปได้เห็นว่า คนในคลิปเป็นแฟน เป็นสามี ทั้งที่เขาเป็นสามีคนอื่น จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเขามีเมีย มีทะเบียนสมรส แต่พอรู้ว่ามี ทำไมไม่ลบ

คุณแอนบอกว่า เราไม่รู้ข้อกฎหมายขนาดนั้น แต่ในเมื่อในคลิปเราไม่ได้เปิดเผยหน้า ไม่ได้เปิดเผยว่าคนในคลิปเป็นใคร ก็เลยไม่ได้ลบ

ในเรื่องนี้ทนายชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถไปใช้สิทธิฟ้องร้องกันได้ทั้งคู่ จะฟ้องหย่า ฟ้องชู้ ฟ้องหมิ่นประมาท ฟ้องได้ทั้งหมด ไปใช้สิทธิตามกฎหมายกันได้ทั้งสามคน