สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ว่านายอับบาส อารักชี รมว.การต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า หากอิสราเอลตอบโต้การยิงขีปนาวุธของอิหร่าน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ด้วยการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในอิหร่าน ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์หรือน้ำมัน จะทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรง และการตอบสนองครั้งต่อไปของอิหร่าน “จะยิ่งหนักหน่วงมากกว่าเดิม”


ถ้อยแถลงดังกล่าวของอารักชีเป็นการเน้นย้ำ แบบที่เจ้าตัวให้ความเห็น ระหว่างเยือนซีเรียอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่การทูตหมายเลขหนึ่งของรัฐบาลเตหะรานยืนยันว่า สิ่งที่สำคัญสูงสุดในเวลานี้ คือการต้องหยุดยิงทั้งในฉนวนกาซาและเลบานอน ซึ่งรัฐบาลเตหะรานพร้อมและยินดีให้ความร่วมมือ อีกทั้งหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าการเจรจาจะบรรลุผลในไม่ช้า


ด้านอิสราเอลยังไม่มีท่าทีมากนัก นับตั้งแต่การยิงขีปนาวุธครั้งดังกล่าวของอิหร่าน ซึ่งเป็นครั้งที่สอง ต่อจากเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ยืนกรานว่า อิสราเอล “มีความชอบธรรม” ที่จะตอบโต้ “ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม” ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตือนว่า อิสราเอล “ไม่ควร” โจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของอิหร่าน.

เครดิตภาพ : AFP