เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่กรมควบคุมโรค นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค แถลงข่าว “รู้เท่าทัน โรคและภัยสุขภาพ พร้อมรับมือช่วงปลายฝน”  โดยเฉพาะช่วงน้ำท่วม น้ำท่วมขัง ว่า ช่วงน้ำท่วมยังต้องเตือนโรคฉี่หนู ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อ 2.9 พันราย ถือว่าค่อนข้างสูง พบมากในพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขัง ทั้งนี้ พบในจังหวัดที่เกิดน้ำท่วม ได้แก่ จ.เชียงราย รวม 13 ราย พะเยา 10 ราย แพร่ 1 ราย น่าน 25 ราย แม่ฮ่องสอน 5 ราย สุโขทัย 1 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตโรคฉี่หนูตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย. 2567 พบ 29 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ยังพบว่า 66% ของผู้เสียชีวิต มักเกิดจากการไปพบแพทย์ช้า หรือซื้อยามากินเอง  อย่างไรก็ตามพื้นที่น้ำหลากที่มาเร็ว โรคฉี่หนูจะไม่ค่อยมาก แต่เมื่อน้ำลด น้ำท่วมขัง ดินแฉะต้องระวัง โดยโรคฉี่หนูเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเลปโตสไปร่า พาหะ คือ หนู หมู วัว ควาย แพะ แกะ สุนัข ติดต่อโดยการสัมผัสกับปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ สัมผัสกับน้ำหรือดินที่ปนเปื้อนเชื้อ และการกินอาหารที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์

นพ.วีรวัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีโรคไข้ดิน หรือโรคเมลิออยด์โดสิส ข้อมูลตั้งแต่ 1 ม.ค.-3 ก.พ. 2567 พบป่วยแล้ว 2,881 ราย เสียชีวิต 90 ราย   ผู้ป่วยสะสมในพื้นที่อุทกภัยจำแนกรายจังหวัดสูงสุด 10 อันดับแรก ในเดือน ก.ย. 2567 ได้แก่ น่าน อุดรธานี อุบลราชธานี นครพนม บึงกาฬ เลย พิษณุโลก ภูเก็ต ลำปาง และหนองคาย ส่วนผู้เสียชีวิตพบมากในอายุวัยกลางคน มักพบในผู้ชาย และเป็นเกษตรกร ปลูกผัก ทำให้ต้องลุยน้ำ ทั้งนี้ติดโรคมาจากฝุ่นดิน หายใจเข้าไปได้ด้วย รวมไปถึงการดื่มน้ำ กินอาหารที่เกิดการปนเปื้อนได้  จึงต้องระมัดระวัง ควรกินหรือดื่มน้ำสะอาด  สำหรับอาการเริ่มแรกมักจะเป็นไข้ สามารถแสดงอาการได้หลากหลาย ไม่จำเพาะ ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคอื่นๆ ได้ โดยระยะฟักตัวอาจสั้น 3-7 วัน และยังสามารถฟักตัวยาวเป็นเดือน หรือปีได้ จึงเป็นอีกโรคที่อันตรายและต้องระวังอย่างมาก

“ทั้งโรคไข้ฉี่หนู และไข้ดิน จะคล้ายกันตรงขอให้เลี่ยงการลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือสัมผัสดิน และน้ำโดยตรง อย่างโรคฉี่หนู ควรสวมรองเท้าบู๊ต ขณะทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำลด หลังลุยน้ำท่วมขังหรือลงแช่น้ำให้อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดทันที หากมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัวหรือปวดกล้ามเนื้อ หลังเดินลุยน้ำย่ำโคลน หรือลงแช่น้ำ 1-2 สัปดาห์ ให้รีบพบแพทย์ทันที ส่วนโรคไข้ดิน ควรทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาดที่บรรจุภัณฑ์มาตรฐาน หรือน้ำต้มทุกครั้ง โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานแนะนำให้ดื่มน้ำต้มสุก หลีกเลี่ยง สัมผัสลมฝุ่นและการอยู่ท่ามกลางสายฝน หากมีไข้สูงต่อเนื่อง 2 วัน มีประวัติสัมผัสดินและน้ำให้รีบพบแพทย์ทันที” นพ.วีรวัฒน์ กล่าว และว่า ช่วงน้ำท่วมยังต้องระวังการบาดเจ็บจากการจมน้ำ ไฟดูด สัตว์มีพิษ ดินโคลนถล่ม  หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว ไม่อยู่ใกล้ลำน้ำ หรือโทรฯสายด่วน 1669 และสายด่วนขอความช่วยเหลือสาธารณภัย 1784