จากกรณีวันที่ 22 ม.ค. 67 เกิดอุบัติเหตุรถตู้รับส่งนักเรียนชนท้ายรถตัดอ้อย บนถนนทางหลวงหมายเลข 3086 หนองปรือ-บ่อพลอย ระหว่าง หมู่ 4 และ หมู่ 7 ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ทำให้มีเด็กนักเรียนจำนวน 14 รายในรถตู้ได้รับบาดเจ็บ ในจำนวนนี้มี 2 รายบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุการณ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีในพื้นที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาประมาทให้กับคนขับรถตู้ ส่วนคนขับรถตัดอ้อยกลับปล่อยลอยนวล ไม่ดำเนินคดี ทำให้ผู้เสียหายทั้งหมดที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กนักเรียน ต่างพากันคาใจถึงการทำคดีที่ไม่โปร่งใส นั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 67 ที่ มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี กลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กนักเรียนจำนวนหลายสิบคนเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทางมูลนิธิ โดยมี ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรับเรื่องร้องเรียน

นายมานิตย์ ชมชื่น อายุ 44 ปี ตัวแทนกลุ่มผู้ปกครองนักเรียน กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ จนเวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบปี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำคดีส่งฟ้องคนขับรถตู้ในข้อหาประมาท แต่คนขับรถตัดอ้อย กลับไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งๆ ที่กลุ่มพวกตนมองว่า ทางฝ่ายคนขับรถตัดอ้อยน่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่ก็ประมาทร่วมกัน หลังเกิดเหตุเจ้าของรถตัดอ้อย ซึ่งมีฐานะร่ำรวยมีไร่อ้อยนับร้อยไร่ ไม่เคยมาสนใจหรือเหลียวแลเยียวยาฝ่ายพวกตนที่บาดเจ็บเลย อ้างแต่ว่าเป็นฝ่ายถูก มีอะไรให้ไปคุยกับตำรวจเอง พวกตนมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนตำรวจทำคดีเข้าข้างฝ่ายคนขับรถตัดอ้อย ส่วนคนขับรถตู้นั้นก็ยอมรับว่าเขาก็ประมาทและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากประกันเพิ่งหมดไปไม่ได้ต่อ จึงเบิกได้เพียง พรบ.ประกันบุคคล และเขาก็รับผิดชอบเยียวยาช่วยเหลือพวกตนตามกำลังที่มี พวกตนก็รู้สึกพอใจและไม่ได้ติดใจอะไร

ส่วนด้านคดีพวกตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ฝ่ายคนขับรถตัดอ้อยและเจ้าของรถก็ไม่เคยมาพูดคุยเจรจาหรือขอโทษสักคำกับเรื่องที่เกิดขึ้น ที่น่าเจ็บช้ำน้ำใจมากที่สุด คือ ตนไปถามความคืบหน้าและความรับผิดชอบด้านคดีกับผู้กำกับ กลับเจอคำตอบที่ทำให้ถึงกับอึ้งว่า คดีก็ส่งฟ้องศาลไปเรียบร้อยแล้วจะยังเอาอะไรอีก ก่อนจะพูดใส่หน้าพวกตนว่าที่มาหานี่เพราะคิดว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากขบวนการยุติธรรมหรือยังไม่ได้รับเงินจากคนรวย ทำให้ตนเองกับพรรคพวก รู้สึกเจ็บช้ำใจเสียใจอย่างมากที่คนเป็นถึงระดับผู้กำกับการสถานีตำรวจพูดจาแบบนี้ ตนกับเพื่อนพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนเชื่อว่าคดีนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเรียนกับทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมเพื่อให้ช่วยเหลือ

ทางด้านว่าทีร้อยตรีรภัสสิทธิ์ รองประธานมูลนิธิ เผยว่า คดีนี้ตนจะให้ผู้เสียหายทำเรื่องคัดสำเนาขอรายละเอียดจากทางศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อนำมาพิจารณาหาทางช่วยเหลือในส่วนของการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายใหม่ จากคู่กรณีเจ้าของรถตัดอ้อย ว่าจะเยียวยาและรับผิดชอบผู้เสียหายได้มากน้อยแค่ไหน ตามกฎหมายแล้วรถอ้อยไม่มีทะเบียนขนส่ง การออกมาขับบนถนนใหญ่ก็น่าจะผิด พรบ.จราจร น่าจะมีการแจ้งข้อหาประมาทร่วมหรือทำคดีให้แจ้งชัดกว่านี้ โดยเฉพาะคนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่พูดจาแบบนี้กับ ชาวบ้านมองว่ามันเป็นเหตุที่ไม่สมควร ทางมูลนิธิจะพาไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เพื่อขอคำปรึกษาแนะนำ และมูลนิธิจะเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กนักเรียน ที่บาดเจ็บในครั้งนี้ต่อไป.