เมื่อวันที่ 6 ต.ค. นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงงานรำลึกครบรอบ 48 ปี 6 ตุลาฯ ว่าเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญเหตุการณ์หนึ่งของไทย ที่จะต้องคำนึงระลึกถึงในหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องความยุติธรรมและความรับผิดชอบของรัฐต่อการดำเนินการต่อประชาชน ซึ่งจนถึงวันนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น ความรุนแรงไม่ควรเกิดขึ้นอีก ทั้งในอดีตและอนาคต

นายชัยธวัช ยังกล่าวว่าการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ มีนักศึกษาและประชาชนจำนวนมากที่ถูกดำเนินคดี รวมถึงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และในปี 2521 ได้มีการออกกฏหมายในนิรโทษกรรม แสดงให้เห็นว่าในอดีตเคยมีการนิรโทษกรรมมาแล้ว ซึ่งขณะนี้มีนักการเมือง หลายคนที่เห็นว่าคดีทางการเมืองที่ร้ายแรง ไม่เหมาะสมที่จะมีนิรโทษกรรม จึงขอย้ำว่าในอดีตเคยมีการนิรโทษกรรมมาตรา 112 มาแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่เกี่ยวอะไรกับความจงรักหรือไม่จงรักภักดี 

นายชัยธวัช ระบุว่า ตนในฐานะกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการตรากฎหมายนิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ยังรอความชัดเจนว่าจะมีการพิจารณารายงานของกรรมาธิการเร็วที่สุดได้เมื่อใด หลังจากที่แกนนำรัฐบาลตัดสินใจเลื่อนการเสนอรายงานออกไปจากวาระพิจารณา อาจเพราะด้วยความกังวลว่าไม่ต้องการให้มีประเด็นที่อ่อนไหวทางการเมืองไปกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ขณะเดียวกันมีร่างกฎหมาย การนิรโทษกรรมที่อยู่ในระเบียบวาระอยู่แล้ว 4 ฉบับ ไม่อยากให้รอช้า เพื่อให้พรรคการเมืองต่างรีบพิจารณาเพื่อยื่นกฎหมายของแต่ละพรรคเพิ่มเติม

“อยากจะเสนอความเห็นว่าจริงๆแล้วไม่ควรกังวลจนเกินเลยเกินไป เรื่องนี้เป็นวาระปกติการทำงานของสภาฯ การนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองประชาชนจำนวนมากรอคอยอยู่ แน่นอนมีความเห็นที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยยะสำคัญ กรณีว่าจะนิรโทษกรรมคดีตามมาตรามาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งในรายงานของกรรธิการก็เสนอไว้หลายทางเลือก ศึกษาไว้อย่างรอบด้าน ว่ากรณีที่นิรโทษหรือนิรโทษจะมีผลดีผลเสียอย่างไร หรือพื้นที่ตรงกลางนิรโทษแบบมีเงื่อนไข มีข้อดีข้อเสียอย่างไร อะไรเป็นประโยชน์ ถ้ากรรมาธิการได้เสนอรายงานต่อสภาเร็วที่สุด เพื่อทำให้พรรคการเมืองต่างๆรับฟังความเห็นจากสภาและสังคมอย่างรอบด้าน จะได้ตกผลึก” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช ระบุว่า พรรคการเมืองต่างๆควรที่จะรีบตกผลึกในเรื่องนี้ รายงานของกรรมาธิการเป็นเพียงข้อศึกษา ซึ่งเป็นทางเลือก ไม่ใช่ร่างกฎหมาย การพิจารณาจะเป็นประโยชน์ต่อแกนนำพรรคการเมืองและรัฐบาล และได้ฟังฟีดแบ็คจากสังคม

นายชัยธวัช กล่าวเพิ่มเติมว่าการนิรโทษกรรมมาตรา 112 แบบมีเงื่อนไขเป็นหนึ่งในทางเลือกข้อเสนอของรายงานกรรมาธิการฯ ซึ่งได้รับการสนับสนุนและเห็นตรงกันจากหลายพรรคการเมือง ไม่ได้เฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง ส่วนพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคใดจะเอาด้วยหรือไม่ ขั้นตอนแรกจะต้องมีการพิจารณารายงานของกรรมาธิการก่อน เพื่อฟังความเห็นของสมาชิกและสังคม ตนเชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่ง่ายขึ้นที่จะทำให้รัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ขณะที่ นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน ระบุเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดเทียบเชิญเข้ามา เพื่อหารือในเรื่องการนิรโทษกรรม 

ส่วนการเตรียมการของพรรคประชาชน ก็เป็นไปตามที่นายชัยธวัชได้ให้ความเห็นไว้ คือรอนำรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการตรากฏหมายนิรโทษกรรมได้รายงานที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นจะนำความเห็นของสภาฯ แจ้งให้ สส. ทราบ จากนั้นจะยื่นร่างกฎหมายการนิรโทษกรรมของพรรคประชาชนอีกฉบับ