เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ อ.พล จ.ขอนแก่น หลังพบว่า มีผู้ที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ผ่านสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ครอบครัวเดียวเกือบ 100,000 บาท ตามสิทธิที่ได้รับ ซึ่งล้วนนำไปซื้อข้าวสาร เครื่องอุปโภค บริโภคและใช้จ่ายในครัวเรือน ด้วยบรรยากาศและสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างมาก

นางจินตนา ไกลกลาง อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 ต.เมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ครอบครัวอยู่ด้วยกัน 9 คน ในบ้านเลขที่เดียวกัน ซึ่งในส่วนของตนเองนั้น ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล ในกลุ่มคนพิการและกลุ่มเปราะบาง 3 คน รวม 30,000 บาท และได้รับจริงตามวันที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งเมื่อได้รับแล้ว ก็ไปซื้อข้าวสารแบบยกกระสอบ ในราคาหลายพันบาท โดยตัดสินใจซื้อข้าวหอมมะลิชั้นดีพิเศษ ที่ราคาแพงสุด เพื่อให้ครอบครัวและลูกหลานได้รับประทานกันบ้าง และถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รับประทานข้าวหอมมะลิพิเศษชั้นดีที่มีราคาแพง และไม่เคยซื้อข้าวสารจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน

นางจินตนา กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็เพียงซื้อครั้งละ 1-2 กก. จากเงินผู้สูงอายุและเงินคนพิการที่ได้รับ ซึ่งนอกจากจะซื้อข้าวสารแล้ว ก็ยังคงมีการนำไปซ่อมแซมบ้าน ซื้อของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นของคนสูงอายุ และเก็บเงินไว้ใช้จ่ายทั่วไป บ้านที่อาศัยอยู่ก็ทรุดโทรม หากนำเงินที่ได้รับของครอบครัวตนเองกับของน้องสาวอีก 6 คนที่ได้รับ มาซ่อมแซมก็คงไม่พอแน่ เพราะบ้านชำรุดทรุดโทรมมาก และก็ไม่เคยได้จับเงินเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

ดังนั้นเมื่อได้มา นอกจากจะซื้อของกิน ของใช้แล้ว ยังนำมาซ่อมแซมบ้านในสิ่งที่ทำได้ ใช้หนี้ต่างๆ ที่มี และเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในชีวิตบั้นปลาย เพราะปีหน้าไม่รู้ว่าจะอยู่รอดเพื่อรับเงินช่วยเหลือแบบนี้อีกหรือไม่ ซึ่งก็อยากให้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ได้พิจารณาช่วยเหลือคนยากคนจน คนพิการ คนเปราะบาง หรือผู้ที่มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ ในระยะที่ 2 ซึ่งไม่ว่าจะให้เท่าไร หรือดำเนินการอย่างไร ขอให้ดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชน ตามนโยบายที่ได้ประกาศเอาไว้ ให้ได้โดยสำเร็จจริงๆ

นางสมถวิล ใจกลาง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 ต.เมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ครอบครัวตนเองได้รับเงิน 10,000 บาท รวมทั้งหมด 6 คน ในกลุ่มคนพิการและกลุ่มเปราะบาง พอทราบว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชี ถึงกับยกมือไหว้ขอบคุณนายกฯ อิ๊งค์ ทันที เพราะไม่เคยได้รับเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ดีใจมาก ดีใจสุดๆ ขอให้นายกฯ อิ๊งค์ เป็นนายกรัฐมนตรีตลอดไป และให้ออกนโยบายช่วยเหลือประชาชนด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้มาอย่างต่อเนื่อง คนที่รอในระยะที่ 2 ก็รออย่างมีความหวัง จะให้มากให้น้อยก็ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาช่วยเหลือตามที่ประกาศเอาไว้ ตนเองก็จะขอมีชีวิตอยู่เพื่อรอรับการช่วยเหลืออีก หากในระยะที่ 3 มีการทบทวนและพิจารณาช่วยเหลืออีกครั้ง

“เงิน 60,000 บาท ที่ได้ก้อนใหญ่จริงๆ ชีวิตไม่เคยมีเงินขนาดนี้มาก่อน เงินที่ได้มาก็เอาไปซื้อข้าว ซื้ออาหาร ซื้อแพมเพิสผู้ใหญ่ ใช้หนี้และเอาไว้ให้หลานๆ ไปโรงเรียน ซึ่งเงินก้อนนี้ยอมรับว่าทำให้ครอบครัวยิ้มได้ และสามารถที่จะซื้อของที่อยากกิน อยากทำ และอยากได้” นางสมถวิล กล่าว