สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของทวีปเอเชีย ลงมาอยู่ที่ 6.5% ในปีนี้ จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 7.6% เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกิจกรรมของผู้บริโภค และกระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรม


อย่างไรก็ดี การเดินหน้าฉีดวัคซีนของแทบทุกประเทศในภูมิภาค ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้กิจกรรมทางเศรฐกิจฟื้นตัวในภาพรวม จนกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยไอเอ็มเอฟคาดการณ์เศรษฐกิจของทวีปเอเชียจะขยายตัวที่ 5.7% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากที่เคยคาดการณ์ไว้ 5.3% เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา


ขณะที่หากวิเคราะห์เป็นรายประเทศ พบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของจีน ประเทศซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐ และอันดับ 1 ของทวีปเอเชีย ได้รับการคาดการณ์จากไอเอ็มเอฟ ว่าจะขยายตัวสูงสุด 8.0% ในปีนี้ และ 5.6% ภายในปี 2565


ด้านสถานการณ์ของกลุ่ม “อาเซียน ไฟฟ์” หมายถึงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด 5 แห่ง ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย “จะยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก” จากโรคโควิด-19 ที่การแพร่ระบาดของเชื้อโรค และบรรยากาศในภาคบริการที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งไอเอ็มเอฟเสนอแนะรัฐบาลของกลุ่มประเทศในเอเชีย ที่ส่วนใหญ่เป็นตลาดเกิดใหม่ ให้เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนทางการเงินต่อไป เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว.

เครดิตภาพ : AP