สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ออกแถลงการณ์ร่วมกัน “เน้นย้ำความจำเป็นและความสำคัญ” ของการที่สมาชิกสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ทุกประเทศ ต้องมีความสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ กับเลขาธิการสหประชาชาติ


ขณะเดียวกัน สมาชิกยูเอ็นเอสซีทั้ง 15 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสมาชิกถาวร 5 ประเทศ คือ สหรัฐ สหราชอาณาจักร จีน รัสเซีย และฝรั่งเศส เรียกร้องสมาชิกยูเอ็นที่เหลือ “หลีกเลี่ยงการดำเนินการรูปแบบใดก็ตาม” ที่เป็น “การบ่อนทำลาย” การปฏิบัติหน้าที่ของเลขาธิการสหประชาชาติ


นอกจากนี้ เนื้อหาในแถลงการณ์ทิ้งท้ายว่า การตัดสินใจแบบใดก็ตาม ที่จะเป็นการไม่ให้ความร่วมมือกับเลขาธิการสหประชาชาติ และหน่วยทุกแห่งของสหประชาชาติในองค์รวม “ถือเป็นการต่อต้าน” โดยเฉพาะในบริบทที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง


แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้พาดพิงประเทศใดอย่างเจาะจง แต่กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ให้นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น “เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา” และห้ามเดินทางเข้าอิสราเอล จากการที่เลขาธิการยูเอ็น “ไม่ประณามอย่างจริงจัง” ต่อกรณีที่อิหร่านยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา


หลังจากนั้น กูเตร์เรสแถลงต่อยูเอ็นเอสซี ประณามการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล และเรียกร้อง “คู่กรณีทุกฝ่ายหยุดยั้งวงจรอุบาทว์ของการกระตุ้นความรุนแรง”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES