แง้มโปรแกรมล่วงหน้า “ก้องศึก แฟร์เท็กซ์” จอมบู๊สู้ไม่ถอย วัย 24 ปี จากเมืองย่าโมโคราช ได้คิวเจอบททดสอบวัดใจอย่าง ขุนศอกผีดิบ “เมืองไทย พีเค.แสนชัย” นักชกสายอึด วัย 30 ปี จากบุรีรัมย์ ที่ตั้งเป้าขอกลับคืนสู่ฟอร์มเก่งให้ได้ โดยทั้งคู่นัดเผชิญหน้ากันในกติกามวยไทย พิกัดเฉพาะ (แคตช์เวต) 137 ป. ขึ้นป้ายคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 84 ที่จะถ่ายทอดสดในวันศุกร์ที่ 25 ต.ค.นี้ จากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น.

สำหรับ “ก้องศึก” โชว์ผลงานในศึก ONE ลุมพินี ได้อย่างโดดเด่น เก็บชัยได้ถึง 5 จาก 7 ไฟต์ พร้อมคว้าโบนัส 3.5 แสนบาท ได้หนึ่งครั้ง จากดสไตล์การชกที่ดุดัน โดยเคยปราบคู่ชกแกร่งอย่าง “จ้าวเสือใหญ่ ม.กรุงเทพธนบุรี” และ “เพชรสุขุมวิท บอยบางนา” มาได้ ทำให้เขามีแฟนมวยชื่นชอบฝีมือเป็นจำนวนมาก

ก้องศึก vs ยอดเหล็กเพชร

ไฟต์ล่าสุด “ก้องศึก” ดีกรีเข็มขัดแชมป์ 5 เส้น ตอกย้ำความยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะคะแนน “ยอดเหล็กเพชร อ.อัจฉริยะ” จอมบู๊รุ่นพี่เจ้าของตำแหน่งแชมป์มวยไทยหลายสมัยได้สำเร็จ ในศึก ONE ลุมพินี 77 เมื่อ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มสถิติชนะรวดเป็น 3 ไฟต์อยู่ในเวลานี้ โดยเจ้าตัวพร้อมเต็มร้อยที่จะพิสูจน์ฝีมือกับ “เมืองไทย” เพื่อเก็บชัยต่อเนื่องและลุ้นโอกาสได้ไปโชว์ฝีมือระดับโลกต่อไป

เมืองไทย vs นักรบ

ทางด้าน “เมืองไทย” ถูกยกให้เป็นนักชกแถวหน้าของวงการมวยไทยบ้านเรามานานนับสิบปี โดยเคยสร้างผลงานน่าจดจำในรายการใหญ่ของ ONE ด้วยสถิติชนะได้ถึง 4 จาก 5 ไฟต์ แต่ภาพรวมในศึก ONE ลุมพินี ผลงานยังไม่เสถียรเท่าใดนัก ล่าสุดพลาดท่าแพ้คะแนนไม่เอกฉันท์ให้กับ “นักรบ แฟร์เท็กซ์” ไปอย่างน่าเสียดาย ในศึก ONE ลุมพินี 58 เมื่อ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา

งานนี้ “เมืองไทย” ที่ไม่ชนะใครมาสองไฟต์ติด จึงตั้งใจมาหยุดความร้อนแรงของรุ่นน้องฟอร์มจัดอย่าง “ก้องศึก” เพื่อกู้คืนศรัทธาจากแฟนมวยและเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมา โดยยังคงตั้งเป้าจะกลับไปเฉิดฉายในเวทีระดับโลกอีกครั้ง

งานนี้น่าสนใจมากกว่าระหว่าง “ก้องศึก” ที่ต้องการยืดชนะรวดเป็นไฟต์ที่ 4 กับทาง “เมืองไทย” ที่อยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝาแพ้อีกไม่ได้ สุดท้ายแต้มชัยอันสำคัญนี้จะตกเป็นของทางฝ่ายไหน แฟนกีฬาชาวไทยเตรียมร่วมลุ้นคู่มวยเดือดนี้ไปพร้อมกันได้เลย

แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมการถ่ายทอดสดทาง ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น. รวมทั้งติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของศึกนี้ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ ONEFC.com และอินสตาแกรม ONEChampTh