ที่ ห้องรับรองชั้น 2 โซนกลางฝั่งริมถนนสามเสน อาคารรัฐสภา นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สมาชิกวุฒิสภา ,รองประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน คนที่ 1 และประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณวุฒิสภาฯ เปิดเผยถึงแนวทางการทำงานในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาฯ ก่อนอื่นต้องบอกว่า รู้สึกมีความยินดี และ ดีใจ ขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่สนับสนุนให้เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ช่วยลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งเลือกกันมาในระดับ อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ รวมถึงได้ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน คนที่ 1 และประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณวุฒิสภาฯด้วย ซึ่งผมพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วง แนวทางในการทำงาน ในตำแหน่งวุฒิสภา ก็จะนำประสบการณ์จากการทำงาน เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และในฐานะที่ เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาก่อน วันนี้มีโอกาสได้มาทำหน้าที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา ก็จะทำหน้าที่ในการกลั่นกรองกฏหมาย เสนอแนะแนวทางจากรัฐบาล ในการทำงานที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการ เป็นการสะท้อนภาพกับพี่น้องประชาชนในการทำงานในฐานะวุฒิสมาชิก
นายสรชาติ กล่าวว่า ในฐานะที่ท่านเป็นคณะกรรมาธิการพลังงาน มีทิศทางและการขับเคลื่อนพลังงานในประเทศไทยไปในทิศทางไหนนั้นในฐานะที่เป็นกรรมาธิการวุฒิสภา ซึ่งไม่สามารถที่จะไปกำหนดแนวนโยบายได้โดยตรง แต่จะเป็นการศึกษาเสนอแนะต่อรัฐบาล ซึ่งครั้งนี้ ผมเชื่อว่าวุฒิสมาชิกของเราในชุดนี้เป็นชุดที่สามารถศึกษาต่อชุดที่ผ่านมา เพราะชุดที่ผ่านมาสามารถทำหน้าที่การไปศึกษาแนวทางพลังงานทดแทน หรือพลังงานไฟฟ้า พลังงานขยะ ซึ่งวันนี้ได้มีการพูดคุยกันแล้วก็จะดำเนินการต่อในสิ่งที่ ต่อเติมในสิ่งที่ยังขาดตกบกพร่องอยู่ เป็นการวิจัยทดสอบซ้ำกับคณะที่ผ่านมา เพื่อนำไปเสนอกับรัฐบาลให้กำหนดแนวทางและนโยบายในการไปแก้ไขปัญหา แน่นอนวุฒิสมาชิกของเรานั้นอาจจะไม่มีหน้าที่โดยตรงในการกำหนดนโยบาย เราจะเป็นผู้ทำหน้าที่ในการศึกษา เหมือนกับการทำวิทยานิพนธ์ เล่มใหญ่ของการทดแทนพลังงาน แล้วไปเสนอให้กับรัฐบาลให้รัฐบาลทำในสิ่งที่เราเชื่อว่าเราไม่มีผลประโยชน์อะไรเหมือนทางอื่นในการทำวิจัย เราเป็นวุฒิสภาซึ่งมีหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนชาวไทยที่เสนอแนะแนวทางให้กับรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา มีความน่าเชื่อถือ ส่วนในเรื่องของทิศทางและการขับเคลื่อนของประเทศไทย ทิศทางของพลังงานจะเป็นการใช้พลังงานทดแทน มาใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิง จะต้องเป็นพลังงานไฟฟ้า คาดว่ารถที่ใช้น้ำมันน่าจะลดลง ใช้รถ EV มากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นสิ่งที่เราพัฒนาทดแทนกัน รวมไปถึงการผลิตไฟฟ้ามาเป็นพลังงมาเป็นพลังงานทดแทนสิ่งนี้มากยิ่งขึ้น
“ในส่วนของภาคประชาชนอยากจะใช้รถไฟฟ้า ภาครัฐเองจะมีส่วนสนับสนุนในการใช้พลังงานสะอาดให้ประชาชน ในฐานะวุฒิสมาชิก ก็ได้ทำเฉพาะหน้าที่ในการแนะนำให้รัฐบาลสนับสนุน อาจจะเป็นอุดหนุนเงินช่วยเหลือในการให้ผู้ส่งออก นำเข้า ลดต้นทุนการผลิต ลดภาษีต่างๆให้กับรถไฟฟ้า ให้สามารถแข่งขันกันได้และลดต้นทุนให้มาแข่งขันกับรถมือสอง และรถอื่นๆที่มีอยู่ทั้งประเทศ เชื่อได้ว่าพลังงานไฟฟ้าจะเป็นที่นิยมของพี่น้องประชาชน ดังนั้นสิ่งที่จะขับเคลื่อนและผลักดัน ก็คือการอนุรักษ์ทรัพยากรด้านพลังงานที่มีอยู่ให้คงอยู่และไม่สูญสิ้นไป โดยการส่งเสริมให้เกิดพลังงานทดแทน อาทิ การใช้รถไฟฟ้า ทดแทนรถน้ำมัน ซึ่งใน ปีที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดี จึงจะสานต่อและผลักดันให้เกิดการใช้รถไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษ และรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งพร้อมที่จะร่วมหารือและผลักดันโครงการต่างๆให้เกิดขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด ส่วนแนวทางในการรณรงค์ ให้หน่วยงานของรัฐหันมาใช้ยานพาหนะไฟฟ้า เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและป้องกันมลพิษ รถไฟฟ้าถือว่า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีการปล่อยไอเสียหรือก๊าซเรือนกระจกออกมา และไม่สร้างมลพิษ จะต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจต่อประชาชนให้มีความเข้าใจว่า การใช้ยานพาหนะไฟฟ้า นั้น มีข้อดีอย่างไร มีข้อจำกัดอย่างไร ตรงนี้ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความเข้าใจ และเกิดการเข้าถึงข้อมูลอย่างแท้จริง” รองประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน คนที่ 1 กล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐ เองต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง การศึกษาถึงข้อดีในการนำยานพาหนะมาใช้ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการวิจัยในแง่มุมต่างๆ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ควรทำ และสิ่งสำคัญที่ควรคำนึง คือเรื่องของมลพิษ สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรที่เราต้องคงรักษาไว้ให้มากที่สุด จึงถือได้ว่า การนำนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ การนำพาหนะไฟฟ้ามาใช้จึงเป็นสิ่งที่ดีที่ควรเร่งดำเนินการ ในฐานะที่ผมดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการด้านพลังงาน กระผมจะส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน การนำรถไฟฟ้ามาใช้เป็นทางเลือก และใช้แทนรถยนต์ เพื่อให้เกิดการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดมลภาวะ ซึ่งพร้อมที่จะผลักดันอย่างเต็มที่
นายสรชาติ กล่าวย้ำด้วยว่า ที่สำคัญในส่วนของการทำงาน และการบูรณาการทำงานของส่วนราชการต่างๆทั่วประเทศ อยากให้ทุกหน่วยงานได้มีการทำงานร่วมกัน การประสานงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชน ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ในด้านพลังงาน พลังงานทดแทน หรือการรักษา สิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ต่อไป ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยความร่วมมือภาคประชาชน ภาครัฐ และรวมถึงกรรมาธิการ เองก็ต้องทำงานอย่างหนักเช่นกัน ฝากถึงพี่น้องประชาชน ว่าให้มั่นใจ กรรมาธิการพลังงาน ในฐานะ ที่ดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาวุฒิสภา จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดัน ส่งเสริมด้านการใช้พลังงานและการรักษา สิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนมั่นใจ เชื่อมั่น และให้โอกาสกระผมและทุกท่าน ได้เข้ามาทำงาน และเป็นตัวแทนทุกท่านต่อไป และสุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ที่มีผลิตภัณฑ์ชุมชนและ ผู้ผลิตและจำหน่ายของกินของใช้ ต่างๆ ขอเชิญทุกท่านมาร่วมงาน มหกรรม กรรมาธิการสัญจร โดยจะจัดขึ้นจามสถานที่ราชการต่างๆทั่วประเทศ โดยจะเปิดให้ผลิตภัณฑ์ของชุมชนต่างๆได้มาร่วมออกร้านเพื่อแสดงสินค้าฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเป็นการนำเสนอสินค้าต่างๆของจังหวัดนั้น ให้เป็นที่รู้จักชาวไทย และชาวต่างชาติ เป็นการสร้างความมั่นคั่ง มั่นคงต่อคุณภาพชีวิต ของชุมชนนั้นๆ และในทุกครั้งที่มีการจัดงาน ก็จะมีการประกวด 10 ผลิตภัณฑ์สุดยอด โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับประกาศนีบัตรจากท่านประธานกรรมาธิการฯ โดยจะใช้ชื่อการจัดงานทุกครั้งว่า มหกรรม “กรรมาธิการสัญจรฯ”