เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 1 ต.ค. 2567 ที่พรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคฯ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง และ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงข่าวตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี โดยมุ่งตรงไปยังเรื่องความผันผวนค่าเงินบาทกระทบราคาน้ำมัน และกองทุนวายุภักษ์

ม.ล.กรกสิวัฒน์  กล่าวถึงเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่น่าเห็นใจต่อผู้ส่งออก เพราะแม้ว่าขายสินค้าเป็นเงินดอลลาร์เท่าเดิมก็จริง แต่เมื่อแปลงเป็นค่าเงินบาททำให้ได้จำนวนน้อยลงกว่าเดิมถึง  ร้อยละ 10 แต่เงินบาทอยู่ในตลาดเสรี การจะกำหนดให้ค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อน เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเนื่องจากค่าเงินบาทเหมือนสินค้าทั่วไป เมื่อมีคนต้องการมากราคาก็แพง หรือเรียกว่า “บาทแข็ง” ตอนนี้ใช้เงินเพียง 33 บาท แลกเงินดอลลาร์ได้ 1 ดอลลาร์ ขณะที่ 3 เดือนก่อนต้องใช้เงินถึง 36 บาท จึงแลกเงินดอลลาร์ได้ 1 ดอลลาร์ ซึ่งการที่เงินบาทแข็งมีข้อเสียที่รู้กันดี คือ ส่งออกแล้วได้เงินบาทน้อยลง แต่การนำเข้าก็จ่ายเงินบาทน้อยลงเช่นกัน ข้อดีของบาทแข็ง คือการนำเข้าสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น โดยเฉพาะน้ำมันดิบเพื่อกลั่นเป็นน้ำมันเบนซินและดีเซล รวมถึงการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีเพื่อผลิตไฟฟ้า

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ดังนั้น เมื่อค่าเงินบาทแข็ง ค่าครองชีพควรถูกลงเพราะต้นทุนการผลิตสินค้าและการขนส่งถูกลง แต่ภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ราคาน้ำมันกลับมีราคาแพงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งยังคงสูง ขณะที่เงินเฟ้อปรับตัวลงได้ยาก เปรียบเทียบราคาน้ำมันในวันที่ 17 ธ.ค. 2564 ในช่วงที่ค่าเงินบาทและราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับเดียวกันกับปัจจุบัน (24 ก.ย. 2567) พบว่า ภายใต้การบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ราคาน้ำมันกลับแพงขึ้น 45.5 บาท (ดูตารางแนบ) ทั้งน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์และน้ำมันดีเซล เพราะมีการเรียกเก็บเงินกองทุน ค่าการตลาด และภาษีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

ม.ล.กรกสิวัฒน์  กล่าวว่า ดังนั้น ท่านนายกฯ ต้องตระหนักว่า ท่านต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีอำนาจในการกำหนดนโยบายยิ่งกว่ารัฐมนตรีพลังงาน จึงต้องจัดการปัญหาราคาพลังงานอย่างจริงจังและเร่งด่วน ก่อนที่ประชาชนจะตำหนิท่านว่า บริหารประเทศแบบปากว่าตาขยิบ เพราะท่านเคยหาเสียงไว้ว่า ถ้าท่านเป็นรัฐบาลจะลดราคาพลังงานทันที แต่วันนี้ท่านเป็นนายกฯ แล้วกลับปล่อยปละละเลยให้ราคาน้ำมันสูงไม่สะท้อนค่าเงินบาทแข็ง ส่วนค่าไฟฟ้าก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ทั้งที่การนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีมีราคาลดลง และข่าวร้ายคือ ค่าไฟฟ้าอาจจะปรับขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย

ม.ล.กรกสิวัฒน์  กล่าวว่า ดังนั้น หาก น.ส.แพทองธาร  เป็นนายกฯ ที่ดี ต้องไม่นิ่งเฉย เพราะการไม่แก้ไขปัญหาจะเหมือนการทำร้ายประเทศชาติ ประชาชน และผู้ประกอบการ

ด้านนายธีระชัย กล่าวถึงการนำเสนอข่าวของ นสพ.ข่าวหุ้น ที่ระบุว่า อาจมีกลุ่มทุนยักษ์ไทย–ดูไบ สนใจเรื่องกาสิโน และเรื่องกองทุนวายุภักษ์ว่า กองทุน Opus เข้ามาซื้อหุ้นใน บลจ. MFC  ร้อยละ 24.96 ซึ่งทำให้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด (ธนาคารออมสิน ร้อยละ  24.94 และกระทรวงการคลัง ร้อยละ 15.92) ทั้งนี้ เนื่องจาก บลจ. MFC เป็นหนึ่งในสองผู้บริหารกองทุนวายุภักษ์ ประชาชนควรติดตามว่า อาจมีไอ้โม่งเบื้องหลังที่ต้องการควบคุมการบริหารกองทุนใช่หรือไม่?

นายธีระชัย อธิบายเพิ่มเติมว่า กองทุนวายุภักษ์เป็นเป้าหมายที่ล่อใจ เพราะเงินที่เพิ่งระดมจากเอกชน 1.5 แสนล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังได้ขยายขอบเขตให้ลงทุนได้แบบซูเปอร์เสี่ยงทั้งในและนอกประเทศไทย ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตนขอตั้งคำถามทำไมรัฐมนตรีคลังอนุมัติให้เสนอขายกองทุนวายุภักษ์อย่างไม่โปร่งใส ผิดวิสัยกองทุนขายประชาชนทั่วไป เพราะไม่ระบุเป้าหมายประเภทธุรกิจที่จะลงทุน แบบนี้ผู้จองซื้อจะไม่สามารถวิเคราะห์อนาคตได้เลย เพียงแค่จูงใจด้วยการประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ และการคุ้มครองเงินต้น

“ผมจึงขอเตือนรัฐมนตรีคลัง ท่านมีหน้าที่ต้องป้องกันมิให้โครงการ ซึ่งเป็นของรัฐบาลไทย ตกไปเป็นเครื่องมือในการสมคบกันหาผลประโยชน์ส่วนตนให้แก่กลุ่มพรรคพวก” นายธีระชัย กล่าว

นายธีระชัย ยังเปิดเผยด้วยว่า ตนได้ร้องเรียนขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า อาจมีการปฏิบัติไม่สอดคล้องกฎหมายอาญา มาตรา 147, มาตรา 152, มาตรา 157 และมาตรา 358 หรือไม่ เพราะการเอาเงินแผ่นดิน 3.5 แสนล้านบาทไปประกันผลตอบแทนและคุ้มครองเงินต้นให้แก่ผู้ลงทุนเอกชนนั้น อาจเป็นการมิชอบ โดยผู้ใดที่สนใจจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และต้องการเจาะลึกในประเด็นเทคนิค สามารถติดต่อมาขอคำอธิบายเรื่องค่าเงินบาทแข็ง ประเทศไทยซื้อน้ำมันดิบได้ถูกลง แต่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปแพงขึ้น.