นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 67 ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ทำการโอนเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่ผู้พิการ และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครบแล้ว 14.44 ล้านคน สามารถโอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายสำเร็จ 14.05 ล้านราย และโอนเงินไม่สำเร็จ 381,127 ราย  

“สาเหตุการโอนเงินไม่สำเร็จ กลุ่มคนพิการ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น ส่วนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น”

ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคาร เพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น เพื่อรอรับเงินในรอบจ่ายซ้ำ ส่วนผู้พิการที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุหรือข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 67 ขอแนะนำให้ต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการ ที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้อง

นายพรชัย กล่าวว่า คลังกำหนดการโอนซ้ำให้อีก 3 ครั้ง ได้แก่ รอบจ่ายซ้ำ ครั้งที่ 1 จ่ายวันที่ 22 ต.ค. 67 จะต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ภายในวันที่ 10 ต.ค. 67 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 18 ต.ค. 67 ส่วนรอบจ่ายซ้ำ ครั้งที่ 2 จ่ายวันที่ 22 พ.ย. 67 ทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ภายในวันที่ 12 พ.ย. 67 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 18 พ.ย. 67 และรอบจ่ายซ้ำ ครั้งที่ 3 จ่ายวันที่ 22 ธ.ค. 67 จะต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 3 ธ.ค. 67 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 16 ธ.ค. 67 เมื่อพ้นกำหนดแล้วจะยุติการจ่ายเงิน

นอกจากนี้ กรณีเป็นบุคคลล้มละลายหรือถูกพิทักษ์ทรัพย์ สามารถดำเนินการเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับเงินตามโครงการฯ และสามารถถอนเงินได้ โดยดำเนินการยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อขออนุญาตเปิดใช้บัญชีเพื่อรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยต้องดำเนินการเปิดบัญชีเงินฝากและผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนให้แล้วเสร็จภายในกำหนดการโอนซ้ำ

“ขณะนี้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วจำนวน 140,573 ล้านบาท ขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินส่วนนี้แล้ว วางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและครอบครัว”