จากกรณีของ แม่ตั๊ก และ ป๋าเบียร์ เรื่องราวจุดเริ่มต้นจากการไลฟ์ขายทอง ก่อนจะลุกลามบานปลายมาถึงการขุดคุ้ยสิ่งไม่ชอบมาพากลต่างๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะถูกจับกุม โดยตำรวจสอบสวนกลางจับกุมทั้งสองได้ ที่บ้านหรูย่านรามอินทรา เพื่อมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์, ร่วมกันเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวน คัดค้านการประกันตัว ทำให้ทั้งคู่ต้องนอนห้องควบคุมผู้ต้องหา จากนั้นในช่วงเช้าวันที่ 1 ต.ค. 67 เจ้าหน้าที่จะนำตัวทั้ง 2 คน ไปฝากขังต่อศาล ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ผู้เคยร่วมไลฟ์ออกงานกับ “แม่ตั๊ก” ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผ่านรายการโหนกระแส และชี้แจงประเด็นต่างๆ รวมถึงจุดแตกหัก โดยประเด็นที่ผู้คนสนใจส่วนใหญ่ คือ เรื่องการทำคอนเทนต์แจกของ ซึ่งในรายการโหนกระแส ได้มีการเปิดคลิป “ย้อนคำสาบาน” โดยในคลิป “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ได้พูดในคลิปว่า แม่ตั๊กแจกของจริง เพราะในเวลานั้นมีการเกิดดราม่าว่า “แม่ตั๊กแจกของไม่จริง” จึงทำให้เกิดคำสาบานตามบทสนทนาข้างต้น

โดยในคลิปเป็นภาพบรรยากาศขณะไลฟ์กับ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ยิว และป๋าเบียร์
เจนนี่ : เวลาพี่ตั๊กให้อะไรเจนนี่ มีคนทักมาถามเจนนี่ว่า Versace เจนนี่ต้องจ่ายตังค์ไหม?
แม่ตั๊ก : จริงเหรอ
เจนนี่ : จริง เอางี้คือเราไม่รู้จะพูดยังไง เราต้องยกตัวอย่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว ถ้าพี่ตั๊กทำแค่คอนเทนต์แล้วเอาคืน ไม่ว่าสิ่งใดที่ให้มา ให้เจนนี่ไม่มีงานไปเลย
แม่ตั๊ก : ก็ให้แบรนด์พี่เจ๊งเหมือนกันถ้างั้น
เจนนี่ : แต่ถ้าสิ่งที่เจนนี่พูดหน้าไลฟ์ว่า พี่ตั๊กให้จริงทุกอย่าง ไม่เคยเอาคืน เป็นเรื่องจริง ก็ขอให้เจนนี่รวยๆ พี่ตั๊กรวยๆ
แม่ตั๊ก : ถ้าเป็นเรื่องจริง ขอให้รวยๆ ถ้าเป็นแค่คอนเทนต์ ขอให้แบรนด์เจ๊งเลยค่ะ กล้าท้าเลย…

อย่างไรก็ตาม “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ได้พูดในรายการโหนกระแส เพื่อชี้แจงอีกมุมว่า แม่ตั๊กให้เงินจริง แต่เป็นค่าตัวในการทำงาน ก็เป็นเรตเดียวที่จ้างงานทั่วไป โดยสุดท้ายตนรู้สึกว่าไม่อยากทำงานร่วมกันแล้ว เพราะไม่อยากมีกระแสข่าวลบ จึงได้แจ้งแม่ตั๊กขอยกเลิกงาน และได้โอนเงินคืนกลับไปตามยอดเรตราคาไลฟ์ ที่เหลืออีก 3 ครั้ง โดยแม่ตั๊กก็เข้าใจและตอบตกลง

ขอบคุณข้อมูล : รายการโหนกระแส และ