เมื่อวันที่ 29 ก.ย.67 นายชนินทร์ รุ่งแสง อดีต สส.กทม.  รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์  และอดีตประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีค่าเงินบาทแข็งขึ้นกว่า  ร้อยละ 10 จาก 36 บาทกว่ามาอยู่ที่ 32 บาทกว่าต่อดอลลาร์ โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 30 เดือนหรือ 2 ปี ถึงแม้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี จะมีการให้สัมภาษณ์พลาดไป ทำให้เข้าใจว่านายกรัฐมนตรี ไม่รู้เรื่อง การแก้ไขปัญหาและการได้ประโยชน์จากการที่ค่าเงินบาทแข็งหรือไม่ ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ จึงอยากจะขอให้รัฐบาลเร่งติดตามการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ประโยชน์จากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ซึ่งจะทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพลังงาน สินค้าเกษตร โลหะอุตสาหกรรม ปศุสัตว์ มีที่ต้นทุนจากการนำเข้าที่ลดลงและจะส่งผลดีต่อสินค้าอุปโภค บริโภค มีราคาลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาน้ำมันและปุ๋ย การติดตามตรวจสอบต้นทุนราคาที่เป็นธรรมเหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะต้องทันต้องเหตุการณ์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงพลังงาน 

นายชนินทร์ กล่าวว่า  ทั้งนี้ขอย้ำว่า ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในขณะนี้รัฐบาลจะต้องดูแลทั้งการเพิ่มรายรับและลดรายจ่ายค่าของชีพลง ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลมีโครงการแจกเงินหนึ่งหมื่นให้กับกลุ่มเปราะบาง ถึงแม้จะไม่ตรงปกตามที่พรรคเพื่อไทยเคยพูดหาเสียงไว้ แต่ก็เป็นไปตามที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยตนได้เคยเสนอแนะไว้ตั้งแต่ต้นปี67  ช่วงรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นสยกรัฐมนตรี ซึ่งเพิ่มรายได้เยียวยาเฉพาะกลุ่มที่เดือดร้อนจริงๆ และแม้จะไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ต้องการ แต่ก็ถือแต่การกระตุ้นหัวใจที่กำลังหยุดเต้นของกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อน แต่สิ่งสำคัญรัฐบาลก็ต้องเน้นในเรื่องลดรายจ่ายด้วย ดูแลปากท้องค่าใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งทำไม่ยาก ถ้าเข้าใจปัญหาและทันต่อสถานการณ์ 

“ดังนั้น ขอฝากถึงผู้นำรัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี ในขณะนี้ต้องปรับตัวจากภาพลักษณ์รัฐบาล ”นายกฯ คุณหนูอิ๊งค์“  เป็น ”นายกฯแพทองธาร“ ต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเอง ฟังแต่คุณพ่อ ปิดหูปิดตา ไม่รับฟังคนอื่น เรื่องมีกินมีใช้ เมื่อไร มีเกียรติมีศักดิ์ศรีอย่างไรต้องชัดเจน ถ้า 3 เดือนไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ ปีหน้ารัฐนาวานายกคุณหนูอิ้งค์ สั่นคลอนแน่ ”นายชนินทร์ กล่าว.