เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สภ.บางบัวทอง พบ น.ส.บี (นามสมมุติ) พร้อมกับน้องเนย (นามสมมุติ)ลูกสาววัย 14 ปี ได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนสภ.บางบัวทอง หลังจากที่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา​ครอบครัวได้ไปรับน้องเนย​และวัยรุ่นชายอีก 2 คน จากที่บริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ จ.สมุทรปราการ​ เพื่อกลับมาบ้าน หลังได้รับแจ้งจากทางบริษัทรักษาความปลอดภัยว่าทั้ง 3 คนได้ไปสมัครงาน และทางบริษัทเห็นข่าวจำได้ว่าเป็นน้องๆที่ครอบครัวตามหา

 น.ส.บี (นามสมมุติ) แม่ของน้องเนย ผู้เสียหาย เปิดใจว่า รู้สึกดีใจมาก​ที่เจอลูกสาวหลังจากหายออกจากบ้านไปนาน 7 วันเต็ม​ พอทางครอบครัวของน้องนาย​ เด็กผู้ชายอายุ 16 ปี ได้ไปรับทั้ง 3 คน แล้วพามาส่งที่สภ.บางบัวทอง ตนก็จะจดใจจ่อรอจนได้พบลูกสาว ถึงกับวิ่งไปกอด และไม่ได้ดุด่าว่าอะไรน้อง​ เพราะรู้สึกเป็นห่วงและคิดถึงมากกว่า​ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้พาน้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล​ และเดินทางมาให้ปากคำกับอีกครั้งที่สถานีตำรวจ

 น.ส.บี (นามสมมุติ) กล่าวต่ออีกว่า จากการพูดคุยกับน้องเนย น้องปลอดภัยดี ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด​ ส่วนสาเหตุที่หนีไปก็เป็นความคะนองของเด็ก แต่ช่วงหลังๆน้องบอกว่า น้องเริ่มอยากกลับบ้านและพยายามขอฝ่ายชายกลับบ้าน แต่ถูกฝ่ายชายบังคับไม่ให้กลับ​ ส่วนโทรศัพท์มือถือของน้องฝ่ายชายก็นำไปขาย​ ถึงอย่างไรแม่ก็จะดำเนินคดีกับฝ่ายชายให้ถึงที่สุด แต่ถ้าถามว่าโกรธเกลียดฝ่ายชายไหม ไม่ได้โกรธเกลียดขนาดนั้นเพราะต้องยอมรับว่าลูกสาวเราผิดที่ออกไปกับเขา และตอนนี้ลูกก็ได้เรียนรู้แล้วว่าการออกไปเผชิญโลกภายนอก โดยที่ไม่มีพ่อมีแม่เป็นอย่างไร

ด้านน้องเนย อายุ 14 ปี  ยังมีลักษณะสดใส ร่าเริง​ พร้อมกับบอกว่า ที่หนีออกจากบ้านเพราะความคึกคะนอง อยากลองออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง และยอมรับว่ากำลังคุยอยู่กับนายแก๊ป จึงอุ่นใจที่จะออกไปใช้ชีวิตด้วยกัน​ แต่พอออกไปได้ 2-3 วัน ปรากฏว่าเริ่มไม่ค่อยสนุก ไม่มีความสุขเลย​ เพราะถูกฝ่ายชายใช้ให้ซักผ้า​ ใช้ให้ทำนู่นทำนี่เหมือนเป็นทาสรับใช้​ ส่วนโทรศัพท์มือถือของตนก็นำไปขาย​ และไม่ให้ตนติดต่อกับใคร หากจะใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อดูโซเชียลก็ให้ใช้ของนายแก๊ป และกำหนดให้ดูเป็นชั่วโมงด้วย จึงขอนายแก๊ปกลับบ้าน แต่นายแก๊ปข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย จึงไม่สามารถหนีออกมาได้​ ส่วนผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งก็คือ “น้องนาย” อายุ 16 ปี ที่ติดตามนายแก๊ปมาด้วย ก็อยากกลับบ้านเช่นกัน แต่ก็กลับไม่ได้แล้วเพราะถูกนายแก๊ปข่มขู่จะทำร้ายร่างกายเหมือนกัน

จากการสอบสวนนายฐนกร​ ​ หรือ​ นายแก๊ป อายุ​ 20 ปี​ ชายที่พาน้องเนยหลบหนีออกจากบ้าน ให้การว่า  ตนได้พูดคุยกับน้องเนยผ่านทาง Social มาประมาณ เกือบ 1 เดือน จนวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา น้องเนยทักมาบอกว่าอยากมาหาตนที่บ้าน ตนก็ให้มา จากนั้นช่วงเย็นตนและน้องนายที่เป็นเจ้าของบ้าน ก็พาน้องเนยไปส่งขึ้นรถเมล์กลับบ้าน แต่ระหว่างทางน้องเนยก็ได้ทักมาหาว่าอยากไปอยู่ด้วย ยังไม่อยากกลับบ้านเพราะทะเลาะกับพ่อแม่​ ตนก็ตามใจก็กลับมานอนที่บ้านของน้องนาย แล้วน้องเนยก็บอกว่าตอนเช้าจะกลับบ้าน ปรากฏว่าหลังจากนั้นน้องก็ไม่กลับบ้านบอกว่า “อยู่กับพี่แล้วสบายใจ” ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าหากเป็นแบบนี้คนที่ถูกดำเนินคดีก็จะเป็นตน ต่อให้ตนจะให้การแบบไหนก็ตาม จึงพยายามไล่ให้น้องเนยกลับบ้านแต่น้องไม่ยอมกลับ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

จากนั้นน้องนายก็ทะเลาะกับแม่และถูกไล่ออกจากบ้าน พวกตนจึงคิดว่าจะออกไปใช้ชีวิตกัน จึงไปเช่าห้องพักที่ท่าน้ำนนท์อยู่อาศัย​ ระหว่างนั้นก็หางานทำ เพราะน้องนายที่ออกมากับตนนั้นต้องการอยากจะทำงานมาก จนไปได้งานที่ศรีนครินทร์ ก็จึงพากันนั่งรถแท็กซี่ไปสมัครงานที่ศรีนครินทร์กัน​ก่อนจะโดนจับได้ ส่วนมือถือน้องเนยทางน้องเนยให้คนไปขายเพราะอยากช่วยค่าใช้จ่าย แต่ยืนยันว่าไม่ได้บังคับหรือขู่เข็ญใดๆ นและไม่ได้ทำร้ายร่างกายน้องเนย ส่วนความรู้สึกที่มีให้กับน้องเนยก็ยังคงรักและห่วงใย แต่เชื่อว่าครอบครัวของน้องเนย คงจะไม่ให้อภัยตนอย่างแน่นอน

ด้าน​ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง​ เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ผู้เสียหายฝั่งน้องผู้หญิงไปตรวจร่างกาย​ และรอผลยืนยันอีกประมาณ 15 วัน​  ส่วนนายแก๊ป​ อายุ​ 20 ปี​ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะพบว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกายจึงได้ควบคุมตัวไว้ในห้องขัง​ และแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ​ และข้อหาพรากผู้เยาว์ อายุต่ำกว่า 15 ปี ไปจากบิดามารดา ส่วนข้อหาอื่นๆ อย่างคงต้องรอการสอบปากคำและรอการพิสูจน์ต่อไป​ ส่วนน้องผู้ชาย อายุ 16 ปี อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่เรียกมาสอบปากคำ