เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 67 พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ บัวขาว ผกก.สภ.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ในพื้นที่รับผิดชอบส่วนใหญ่ของ สภ.ขุนทะเล มีถนนทางหลวงสาย 44 หรือ สายเซาเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งมีการออกแบบถนนในลักษณะการเดินรถทางเดียว 4 ช่องจราจรขนาดใหญ่ จุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน แต่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่า มีกลุ่มวัยรุ่นมักใช้เป็นสนามแข่งรถ ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญ และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ล่าสุดปัญหาได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยล่าสุดสถานีตำรวจภูธรขุนทะเล ได้รับแจ้งเหตุเรื่องร้องเรียนจากประชาชน กรณีมีวัยรุ่นมารวมตัวกันเพื่อแข่งขันรถจักรยานยนต์กันที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านห้วยโศก หมู่ 2 ต.ทุ่งรัง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี จึงได้จัดทำแผนป้องกันการรวมตัวของเยาวชนแข่งรถในทาง ตามข้อสั่งการของ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ตามข้อสั่งการของ พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.เสริมพันธ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.อ.ศิริชัย สุขศาสตร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี สถานีตำรวจภูธรขุนทะเล จึงได้สืบสวนหาข่าว จนทราบว่าบริเวณดังกล่าวมักมีการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ ซึ่งในแต่ละคืนจะมีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ที่มีลักษณะแต่งซิ่งท่อดังมารวมตัวกันประมาณ 20-30 คัน จากนั้นจะมีการนัดแนะวางแผนเพื่อเตรียมการแข่งรถ โดยการแข่งจะแข่งบนถนนสาย 44 (เซาเทิร์น) ฝั่งมุ่งหน้า จ.กระบี่ โดยเริ่มแข่งจากบริเวณหน้าทางเข้าหมู่บ้านห้วยโศก ไปถึงเส้นชัยที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านวังหวาย เนื่องจากถนนดังกล่าวเป็นเส้นตรง ช่วงกลางคืนมีรถสัญจรน้อย จากการสืบสวนทางโซเชียลพบว่ากลุ่มเด็กวัยรุ่นดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นเด็กเยาวชนอายุประมาณ 15-20 ปี ซึ่งเดินทางมาจาก อ.กาญจนดิษฐ์ โดยแต่ละคนจะมีการโพสต์รูปรถของตัวเองที่มีลักษณะแต่งซิ่งท่อดัง และมักมีการชักชวนนัดแนะกันเพื่อไปแข่งผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งต่อมา สภ.ขุนทะเลได้รวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งสามารถดำเนินคดีกับเยาวชนดังกล่าวในข้อหา “พยายามแข่งรถในทาง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร” พร้อมทั้งได้ตรวจยึดรถที่ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลางในคดี

พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลจากการสอบปากคำผู้ต้องหาในคดี และข้อมูลจากสื่อโซเชียล รวมถึงข้อมูลจากการสืบสวนกลุ่มเยาวชน ที่ร่วมก่อเหตุส่วนใหญ่ เป็นเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนที่มีพฤติกรรมใช้สื่อโซเชียลในการให้ข้อมูลในการแต่งรถจักรยานยนต์ รวมถึงนัดแนะรวมตัวกัน สภ.ขุนทะเล จึงได้นำข้อมูลประสานการปฏิบัติร่วมกับ สภ.กาญจนดิษฐ์ ในการแก้ปัญหา และทำความเข้าใจกับกลุ่มเยาวชนและผู้ปกครอง เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และจะดำเนินการตามกฎหมายให้ครบถ้วนในทุกมิติ ทั้งดำเนินคดีในข้อหาหลักกับผู้กระทำความผิด ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นเด็กและเยาวชนต้องดำเนินคดีกับพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย รวมถึงเสนอศาลริบรถของกลางทุกกรณี.