ยังคงเป็นข่าวเศร้าที่สร้างความสะเทือนใจให้กับหลายคนอย่างมาก สำหรับเรื่องราวของพระเอกชื่อดัง “อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์” ที่จากไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งด้วยวัย 39 ปี ท่ามกลางบรรยากาศความโศกเศร้าของหลายคน ซึ่งก็มีคนบันเทิงได้เดินทางมารดน้ำศพและฟังสวดพระอภิธรรมในคืนแรกของหนุ่มอ๋อมกันมากมาย

ทางด้านเพื่อนสนิทอย่าง “กันต์ กันตถาวร” ได้เดินทางมาร่วมงานของหนุ่มอ๋อม ซึ่งหนุ่มกันต์ก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงความสนิทสนม ความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ โดยกันต์ได้เผยว่า “ผมว่าทุกคนรู้เจตจำนงกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ทั้งหมดทั้งมวล เราก็พยายามทำให้เขารับรู้แหละ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้รับรู้หรือเปล่าว่ามีคนรักและก็เป็นห่วงเขาเยอะ เราไม่ได้หวังให้มันเร็วขนาดนี้ แต่เราก็เชื่อว่ามันเร็วที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ เพราะว่าอย่างน้อยๆ เราก็เห็นว่าเขาไม่ได้เจ็บได้ปวด ไม่ต้องรู้สึกแย่อีกต่อไป ณ วันนี้เขาอาจจะสบายกว่าพวกเราด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นพวกเราก็ยังคงดิ้นรนต่อสู้กันทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั้งดีและไม่ดีเข้ามาในชีวิตของพวกเรา ก็คิดว่าเขาน่าจะมีความสุขแหละ กับเส้นทางที่วันนี้เขาจะต้องออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับอาการป่วยขอไม่ลงอะไรลึก คือได้รับทราบมาตั้งแต่แรกเลย ในกรณีที่เขาป่วย แล้วก็กระบวนการการรักษาโดยทั้งหมดแบบพอสังเขป ที่ไม่ได้ลงดีเทลที่ไหนอย่างไร ลึกละเอียดขนาดไหนนะครับ ได้รู้ว่ามันมีช่วงที่อ๋อมดีขึ้น แย่ลง และในช่วงที่ว่ามันจะต้องมีปาฏิหาริย์ ผมว่าพวกเราคือมนุษย์ มันเป็นเรื่องปกติ และผมเชื่อว่า เขาได้ผ่านทุกสิ่งทุกอย่างมาครบกระบวนการแล้ว ถ้าเรารู้จักเขาดีพอหรือรู้เท่าที่ผมรู้ เราก็จะรู้สึกว่าเขาสู้มากๆ ถามว่าเขาเสียใจหรือว่าเขาดิ่งขนาดไหน เมื่อรู้อาการของตัวเอง ขนาดเรารู้มันไม่ได้เกิดกับเรา เรายังดิ่งเลย แล้วนี่มันเกิดกับตัวเขาเอง ฉะนั้นผมเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างกระบวนการความคิด และกระบวนการการปฏิบัติที่มันได้เกิดขึ้นกับตัวของเขา และในครอบครัวของเขา จริงๆ แล้วอ๋อมเป็นคนที่ผมสนิทที่สุดคนหนึ่งในวงการบันเทิงครับ โดยที่เราโตมาด้วยกัน เริ่มต้นมาด้วยกัน เริ่มเป็นนักแสดงเกือบจะพร้อมกัน แล้ววันหนึ่งเราต่างมีเส้นทางของตัวเองที่เลือก ผมเองก็เลือกเส้นทางไปต่อสู้กับพิธีกรให้ได้ เขาก็เป็นนักแสดงที่มีคนรักกันทั้งประเทศนะครับ แล้ววันนี้ผมก็เชื่อว่า มันไม่ได้หายไปไหน มันก็มีคนรักเขามากกว่าเดิม แล้ววันนี้อย่างน้อยๆ เราก็ได้เห็นว่า ต่อให้เราไม่ได้เจอกันทุกวันทุกอาทิตย์ทุกเดือนเหมือนเมื่อก่อนที่เราอยู่ด้วยกันจากการทำงาน เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม เราก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่เสมอว่า ชีวิตอ๋อมเป็นอย่างไร ยิ่งพอเขาป่วย ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของคนที่สนิทกัน มันต้องคอยดูแลเรื่องของคนที่อยู่เบื้องหลังด้วย ก็เป็นห่วงทั้งคุณพ่อคุณแม่ และครอบครัวของอ๋อมด้วย รวมไปถึงคุณภรรยาด้วย ก็พยายามดูแลทุกคน”

“ที่ผ่านมาผมก็ติดต่อให้กำลังใจอ๋อมมาตลอดครับ แต่ก็ให้เกียรติและให้ความเป็นส่วนตัวกับเขา เราก็จะพอรู้ว่าเรื่องไหนเขาอยากพูดหรือเรื่องไหนที่เขาไม่อยากพูด บางทีแค่บอกมาว่าโอเคยังไม่สะดวก เราก็รู้แล้วว่า ไม่ต้องถามต่อหรอกว่า ไม่สะดวกทำอะไรเหรอ เราก็พอจะรู้ว่า ได้ครับ ไม่เป็นไร สะดวกเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวไปหา แล้วในวันที่เขาสะดวกเขาก็โทรฯมาเอง ถ้าถามว่าให้กำลังใจครอบครัวอ๋อมอย่างไร ก็ตามเพื่อนๆ ทั่วๆ ไปครับ ก็บอกว่าเข้มแข็งนะ เราไปบอกเขาไม่เสียใจก็คงเป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่อยู่ดีๆแล้วเกิดขึ้นเป็นประจำ มันไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครก็แล้วแต่ เรารู้แหละว่าเขาเสียใจ แต่เรารู้ว่าเขาคงได้คิดอะไรมากกว่าเราซะอีก เพราะว่าเราเป็นคนนอกครอบครัวเอาจริงๆ แล้ว เราแค่อยู่ในเส้นทางเส้นทางหนึ่งของการดำเนินชีวิตของอรรคพันธ์ นะมาตร์ แต่เขาอยู่มาตั้งแต่ต้นกำเนิดที่เป็นวุ้น จนวันนี้มันไม่มีอะไรที่รู้สึกแย่ไปกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ต้องมางานแบบนี้ของลูกตัวเอง”

“ส่วนตอนที่ถ่ายรูปในงานแล้วเห็นผมหันหลังไปมองก็บอกอ๋อมว่า ไม่ต้องห่วง คือทุกคนคอยดูแลครอบครัวคุณอยู่ สิ่งที่คุณมีมันไม่ใช่แค่เปลือก มันคงเป็นความรู้สึกที่มันพูดไม่ได้ ก็ยังมีคนรักครอบครัวเขาจริงๆ สาเหตุต้นตอมันมาจากที่ทุกคนรักคุณไง ถ้าถามถึงความทรงจำกับเพื่อนคนนี้ ก็เป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุดคนหนึ่ง ก็อย่างที่ได้พูดไป คือก็มันโตมาด้วยกันครับ ทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีเราฝ่าฟัน เรามีรอยยิ้มด้วยกันได้ เราหัวเราะด้วยกันได้ ณ ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ที่ไม่ได้บอกว่ามันจะดีที่สุดหรือแย่ที่สุด แต่วันนั้นข้างๆ ที่ผมมองไปผมเจอมัน เขาคงไม่ใช่คนที่นิสัยดีที่สุดที่ผมเคยเจอ เขาก็ไม่ใช่คนที่แย่ที่สุดที่ผมเคยเจอ คนเรามันกลมกล่อม แต่ ณ วันนั้น ณ เวลานั้น คนที่ผมยืนข้างก็คงคืออ๋อม แค่นั้นก็เพียงพอ

ส่วนถ้าพูดถึง อ๋อม อรรคพันธ์ เขาเป็นนักแสดงที่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตัวเองที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยรู้จัก ไม่ได้เกี่ยวกับผลงานเรื่องนั้นที่มันจะดังหรือไม่ดัง หรือว่าคุณจะรักตัวละครนั้นหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ให้พวกคุณได้เข้าใจว่า ทุกความคิดที่ออกจากปากเขาหรือว่าทุกแอ๊คชั่นที่มันออก มันทำด้วยความรักของผู้ชายคนนี้ และนั่นคืองานเดียวที่เขารักที่สุดในชีวิต คือการเป็นนักแสดง”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก kankantathavorn