จากกรณี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจ “สายไหมต้องรอด” พาแม่และลูกสาวที่มาอาการป่วยทางสมองเข้าพบ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับการ สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามความคืบหน้าคดีที่โดนเพื่อนบ้านบ้านข่มขืน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

‘แม่’ ร้อง ‘สายไหมต้องรอด’ ลูกสาวถูกขืนใจผ่าน 4 ปีคดีไม่คืบ คนร้ายกลับมาก่อเหตุซ้ำ!

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายลำพูล (สงวนนามสกุล) หรือ ลุงแว่น อายุ 63 ปี อาชีพขับวินจยย.รับจ้าง ซึ่งถูกกล่าวหา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนอาศัยอยู่กับภรรยาในทุก ๆ วันต้องออกไปขับวินแล้วต้องรีบไปขายของกับภรรยา กลับถึงบ้านตอนเย็นก็ต้องไปรับเด็กนักเรียนขาประจำ ทุกวันนี้ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด แทบไม่มีเวลาจะคุยกับใคร การถูกกล่าวหาว่า ไปฉุดผู้หญิงที่เป็นเพื่อนบ้านที่มีความพิการทางสมองไปรุมโทรม-ข่มขืน รู้สึกเสียใจและเครียดมาก บางทีก็ท้อแท้ เพราะที่ผ่านมาทำความดีช่วยเหลือคนอื่นมาตลอด แต่สุดท้ายกลับเจอตำรวจมาหาที่บ้านบอกว่าเราต้องคดีข่มขืนฯ จึงขอให้การปฏิเสธ ทั้งยังแสดงความบริสุทธิ์ใจยินยอมให้ตรวจ DNA ได้ทันที ไม่หลบหนีไปไหนด้วย

ด้าน นางพรรณธา (สงวนนามสกุล) หรือ ป้าน้อง กล่าวว่า ที่ผ่านมาครอบครัวตนช่วยเหลือฝ่าย แม่ลูกหลายครั้ง เวลาลูกสาวเขาไม่มีอะไรกิน ปาข้าวของโวยวายลั่นบ้าน ตนก็เอาอาหารไปให้ ขณะที่แม่ของเขาทะเลาะกับลูกตัวเองตลอด ตนได้แต่อดทนและทำใจตัดปัญหาไปอยู่บ้านลูกชาย แต่สุดท้ายก็ยังไม่แคล้วถูกหาเรื่องร้องเรียน ตั้งแต่ไปแจ้งเทศกิจเรื่องที่ตนขายของ กล่าวหาว่าตนมีเส้นสายใหญ่โต ร้องเรียนท่อน้ำไหลไปหน้าบ้านเขา และที่หนักสุดกล่าวหาว่า สามีไปข่มขืนลูกสาวเขา ตอนนี้สามีตนเครียดมาก กลัวว่าจะฆ่าตัวตายสักวัน ได้แต่บอกไปว่า “…ความจริงก็คือความจริง…”

ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามชาวบ้านในพื้นที่อีกหลายราย พบว่าส่วนใหญ่เชื่อว่า “ลุงแว่น” ไม่ได้เป็นคนร้ายลงมือข่มขืนอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง เนื่องจากทำงานหาเงินกับป้าตลอดทั้งวัน อีกทั้งที่ผ่านมาเคยเห็น “ลุงแว่น” ขี่จยย.ไปส่งหญิงสาวคู่กรณีไปส่งปากซอยเพียง 1 ครั้งเท่านั้น จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับ “ลุงแว่น” ผู้ถูกกล่าวหาด้วย