เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยถึงกรณีการแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎร ที่อาศัยทำกินอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งดำเนินการสำรวจการถือครองพื้นที่อยู่อาศัยทำกินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 64 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. พ.ศ 2562 มาตรา 121 (อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า) ให้เป็นไปตามกำหนด ซึ่งมีราษฎรอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่า 224 ป่าอนุรักษ์ 4,042 หมู่บ้าน 314,784 ราย 466,307 แปลง เนื้อที่รวมกันประมาณ 4.27 ล้านไร่ ซึ่งจะนำพื้นที่ดังกล่าว มาบริหารจัดการทำแผนที่แนบท้ายร่างพระราชกฤษฎีกา เพื่อกำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ แล้วส่งต่อให้กรมการปกครองตรวจรับรองแนวเขตต่อไปตามระเบียบให้ครบถ้วน

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานที่ได้ดำเนินการไปแล้วจนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย 1. คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการแล้ว จำนวน 14 ป่าอนุรักษ์ 2.อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ จำนวน 50 ป่าอนุรักษ์ 3.อยู่ระหว่างการปรับแก้ไขข้อมูลแผนที่ ตามที่กรมการปกครองแนะนำ จำนวน 160 ป่าอนุรักษ์ซึ่งตามกฎหมายทั้งหมด จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พ.ย. 2567

นายอรรถพล กล่าวว่า ทั้งนี้ได้มอบหมายให้กรมอุทยานฯ เร่งจัดทำข้อมูลและทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ผ่านกิจกรรมการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน จำนวน 2 กิจกรรม ดังนี้ 1. จัดทำแนวเขตที่อยู่อาศัยและทำกินของราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ระยะทางรวมทั้งสิ้น 75,000 กม. เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่รับทราบ และเป็นการสร้างการรับรู้ การเข้าใจแนวเขต เพื่อการอยู่อาศัยทำกินร่วมกัน และป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกแนวเขต ซึ่งโครงการต่างๆ ดำเนินการมาตั้งแต่ ปี 2564-2567 จำนวนทั้งสิ้น 41,168 กม. เนื้อที่ประมาณ 2.52 ล้านไร่ โดยมีเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จตามโครงการภายในปี 2569

2.จัดทำแปลงที่ดินให้แก่ราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในการดำรงชีวิต และเป็นการให้สิทธิแก่ราษฎรที่อยู่อาศัยได้ทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และสืบทอดไปได้ชั่วลูกหลาน ทำให้เกิดความชัดเจนในการครอบครองที่ดิน อันเป็นที่ยอมรับร่วมกัน และเป็นการรองรับนโยบายของรัฐ ในการสนับสนุนและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในอนาคต โดยจัดทำหนังสือแสดงที่อยู่อาศัยและทำกินในเขตอนุรักษ์ และทำบันทึกข้อตกลง หรือ MOU เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชน โดยเริ่มดำเนินการในปี 2567 จำนวน 42 ป่าอนุรักษ์ 331 หมู่บ้าน และกำหนดให้แล้วเสร็จ ภายในปี 2569

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังดำเนินการเร่งรัด เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าต่างๆ ได้อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจ จัดเวทีพบปะพี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยทำกินในเขตป่าอนุรักษ์ ให้เข้าใจถึงแนวทางในการดำเนินการที่จะอยู่ร่วมกัน.