จากกรณี ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับลัทธิเชื่อมจิต ใน 6 ข้อหา ในความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์, พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร, พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน และประมวลกฎหมายรัษฎากร ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 จนกระทั่ง วันที่ 11 ก.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ได้ออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหากลุ่มลัทธิเชื่อมจิต รวม 8 คน และได้มีการแจ้งขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนไปก่อนหน้า

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. กลุ่มลัทธิเชื่อมจิต ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามที่ตำรวจนัดหมายแล้ว โดยยังไม่ขอให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชน ซึ่งหากพบพนักงานสอบสวนเสร็จแล้ว ก็พร้อมจะลงมาให้สัมภาษณ์ต่อไป อย่างไรก็ตาม ทนายอนันต์ชัย พร้อมทีมงาน ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยให้สัมภาษณ์ว่า ตนพร้อมพวกมาร่วมสังเกตการณ์ว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่อย่างไร รวมไปถึงประเด็นที่ “ทนายธรรมราช” อ้างว่าจะออกมาแฉ “กองทัพธรรม” ซึ่งหากออกนอกประเด็น กลุ่มลัทธิเชื่อมจิตก็จะฟ้องหมิ่นประมาทตามขั้นตอนกฎหมาย

ทั้งนี้ ทนายอนันต์ชัย ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันที่ 24 ก.ย. เวลา 14.00 น. ตนจะเดินทางไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ “พระอาจารย์ชาตรี” ที่อ้างว่าอบรมวิปัสสนากรรมฐานตามหลักมหาสติปัฏฐาน 4 ให้แก่ชาวรัสเซีย และเป็นผู้สอนสมาธิให้กับ “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย รวมไปถึงเรื่องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสีกา พร้อมกับเดินทางไปยื่นหนังสือกับสถานทูตรัสเซีย ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย.