จากกรณี 2 ผู้ต้องหาคดียาเสพติด แหกห้องขังโรงพักพญาไท ล็อกคอ-จับขังสิบเวร หลังทำทีขอยากันยุง-มือถือ แต่สุดท้ายหนีไม่รอด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

2 ผู้ต้องหาหลอกขอยากันยุง-มือถือ ก่อนล็อกคอ ‘ร.ต.ต.’ แหกห้องขังหนี

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่ สน.พญาไท พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกภพ ตันประยูร รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสนา ผกก.สน.พญาไท พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท ร่วมกันแถลงผลการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย

พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ ก็มีชายคนหนึ่ง เอาของใช้มาฝากให้กับผู้ต้องหาทั้งสองราย โดยเอาของมาฝากผ่านสิบเวร และไม่ให้เข้าเยี่ยม เนื่องจากว่าเลยเวลาแล้ว สิบเวรจึงรับของไว้ และเอาของใช้ส่วนตัวไปให้ผู้ต้องหา

จนกระทั่งเวลาตีหนึ่งเศษ จากการตรวจสอบด้วยกล้องวงจรปิด สิบเวรสังเกตเห็นว่าผู้ต้องหาโบกมือใส่กล้องวงจรปิด สิบเวรที่นั่งอยู่ด้านนอก มองเห็นโบกมือขอความช่วยเหลือ จึงได้เข้าไปถามว่ามีอะไร นายอ้น ผู้ต้องหาก็บอกว่าปวดท้อง ไม่สบาย เหมือนจะเป็นกรดไหลย้อน ขอโทรศัพท์ เพื่อโทรหาแฟน ให้เอายามาให้เพราะต้องกินยา สิบเวรจึงได้ตัดสินใจต่อโทรศัพท์ให้ และส่งโทรศัพท์ให้คุย โดยสิบเวรยืนคุมเชิงอยู่ด้านหน้า ซึ่งใช้เวลาคุยอยู่ประมาณเกือบ 2 นาที หรือประมาณ 100 กว่าวินาที ซึ่งตอนคุยพูดค่อนข้างเบาทำให้ไม่ได้ยิน

โดยภาพจากกล้องวงจรปิดช่วงเวลา 01.27 น. บันทึกภาพหลังโทรศัพท์เสร็จแล้ว สิบเวรยังถามว่า อาการปวดท้องเป็นอย่างไร ก่อนขอรับโทรศัพท์คืน แต่ขณะที่ส่งโทรศัพท์คืนให้สิบเวร นายอ้น ได้เข้าไปส่งโทรศัพท์เสร็จ ก็ล็อกคอสิบเวร ก่อนปลุกปล้ำกัน ส่วนนายนิพนธ์ ผู้ต้องหาอีกคน ก็วิ่งหนีออกมา ขณะที่ตอนนั้นสิบเวรล้มลง นายอ้น ก็ออกไปนอกห้อง และถีบสิบเวรจนกระเด็นล้มลง และปิดประตูห้องขังล็อกสิบเวรไว้ข้างใน ก่อนที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 จะวิ่งหลบหนีออกจากที่ควบคุม ไปขึ้นรถคันสีแดงที่จอดรออยู่ริมถนนพญาไท

ผบก.น.1 กล่าวต่อว่า ในเวลานั้น สิบเวร จึงตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ ทำให้ร้อยเวรสอบสวนที่ปฏิบัติงานอยู่ชั้นล่างของ สน. ได้ยิน และเข้ามาช่วยเหลือ โดยใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ขณะนั้นก็มีรองผู้กำกับการปราบปรามที่ตรวจอยู่ และรองผู้กำกับสืบสวน ที่ทำงานขยายผลอยู่ จึงเข้ามาและซักถาม ก่อนตรวจสอบ และแบ่งหน้าที่กัน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เส้นทางหลบหนี พร้อมกับวิทยุสกัดจับ ขณะเดียวกัน ได้โทรศัพท์กลับไปที่เบอร์ที่โทรออก ทราบว่าเป็นเบอร์ของภรรยาของผู้ต้องหา จึงแจ้งให้ทราบว่าได้หลบหนี ถ้ารู้ว่าไปไหนให้แจ้ง

นอกจากนี้ มีการตรวจสอบข้อมูลทางการสืบสวนพบว่ามีการเคลื่อนตัวไปทาง จ.สระบุรี จึงได้วิทยุสกัดเป็นระยะ กระทั่งทราบจากภรรยาผู้ต้องหาว่า ผู้ต้องหาอยู่แถว อ.พล ก่อนจะไปมอบตัวที่ สภ.สีดา ตอนประมาณ 05.00 น.

จากการสืบสวนพบว่า มีรถสีแดงมาจอดรอรับทั้งคู่ โดยจากการตรวจสอบพบว่า เป็นคนเดียวกับที่เอาของใช้มาให้ตอนเที่ยงคืนกว่า ซึ่งตอนนี้ทราบตัวบุคคลนี้ ว่าเป็นชายอายุ 27 ปี ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ก็ยอมรับว่า ชายรายนี้เป็นบุคคลที่ช่วยเหลือหลบหนีไป ซึ่งก็จะมีการการออกหมายจับต่อไป

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า วางแผนที่จะหลบหนี ซึ่งจะมีผู้ที่เกี่ยวข้อง คือคนที่มารับ และยังต้องตรวจสอบต่อไป ว่ามีผู้เกี่ยวข้อง หรือมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อให้เกิดความกระจ่าง

ส่วนผู้ต้องหา ก็จะถูกดำเนินคดีแยกไป คดียาก็ส่ง ป.ป.ส. ส่วนคดีหลบหนี ก็จะแจ้งข้อหาหลบหนีระหว่างคุมขัง ซึ่งจะดำเนินคดีคู่ขนานกันไป.