เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา ศาลประจำเขตโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ตัดสินโทษคนงานชาวไทย ในคดีแทงชายชาวญี่ปุ่นจนเสียชีวิต ระหว่างการวิวาทหน้าร้านอาหารในโยโกฮามา เมื่อเดือน พ.ย. 2566 

แม้ผู้พิพากษาทากาโอะ ซาโตะ ตัดสินให้จำเลยสัญชาติไทยวัย 54 ปี มีความผิดฐานฆาตกรรม แต่ก็ระบุว่า “จำเลยไม่ควรถูกลงโทษอย่างรุนแรง” เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดเพื่อป้องกันตัวและพยายามปกป้องเพื่อนชาวไทยจากการโดนรุมทำร้าย จึงตัดสินให้รับโทษจำคุก 3 ปี แต่ผ่อนผันให้รอลงอาญา 5 ปี ขณะที่ฝ่ายอัยการเสนอให้จำเลยรับโทษจำคุก 7 ปี

รายงานข่าวชี้ว่า ไม่มีการโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริงในการฆาตกรรมผู้ตายชาวญี่ปุ่นวัย 42 ปี แต่ศาลให้ความสนใจเรื่องบทลงโทษที่เหมาะสมสำหรับจำเลยมากกว่า

คดีฆาตกรรมนี้ มีสาเหตุมาจากการก่อเรื่องวิวาทเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2566 มีกลุ่มชายชาวญี่ปุ่น 5 คน เดินหน้าร้านอาหารไทยในช่วงค่ำและถีบรถจักรยานที่จอดไว้หน้าร้านจนล้ม สร้างความไม่พอใจให้คนงานชาวไทยในร้าน จึงเกิดการต่อว่ากันขึ้น

กลุ่มชายชาวญี่ปุ่นซึ่งมีผู้สันนิษฐานว่าเป็นแก๊งยากูซ่า ได้ตะโกนด่าทอคนงานไทย โดยมีใจความแสดงความเกลียดชังคนไทย พร้อมกับไล่ให้กลับประเทศไทย จากนั้นชายญี่ปุ่น 3 คนในกลุ่ม ก็ผลักคนงานไทยและรุมทำร้าย ขณะที่อีก 2 คน ไม่มีท่าทีจะห้ามปราม 

จำเลยซึ่งกำลังทำอาหารอยู่ในครัวของทางร้าน ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทของตนโดนรุมทำร้าย จึงคว้ามีดทำครัววิ่งออกมา เพราะเกรงว่าฝ่ายชายชาวญี่ปุ่นจะมีอาวุธ เมื่อเวลาประมาณ 19.40 น. ของวันเกิดเหตุ

เมื่อเขาสังเกตว่ากลุ่มชายชาวญี่ปุ่นไม่มีอาวุธ เขาก็วางมีดไว้ใกล้กับกระถางดอกไม้ และพยายามจะเข้าไปห้ามปรามการวิวาทที่กำลังดำเนินไป แต่ก็โดนอีกฝ่ายทำร้ายด้วยการตีที่หน้าผากและศีรษะ, ดึงคอเสื้อและกระชากผมของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้

แต่เมื่อกลุ่มผู้ลงมือทำร้ายหันกลับไปหาเพื่อนของเขา จำเลยก็คว้ามีดขึ้นมา และแทงชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งในกลุ่มที่รุมทำร้ายเพื่อนของเขาหลายครั้ง ที่บริเวณหลังและช่วงอก

ศาลชี้ว่าการแทงในลักษณะดังกล่าว ถือว่า “เกินสมควร” สำหรับการป้องกันตัว และจำเลยควรใช้มีดข่มขู่อีกฝ่ายให้หยุดการกระทำเสียก่อน กระนั้น ศาลก็รับรู้ว่าผู้ตายและกลุ่มของผู้ตายก็มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นฝ่ายที่ลงมือทำร้ายคนอื่นก่อนและไม่ยอมหยุดมือ

ทีมอัยการโต้แย้งว่า ฝ่ายจำเลยสามารถใช้วิธีอื่นเพื่อปกป้องตัวเองและเพื่อได้ เช่น ขอความช่วยเหลือจากสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้เคียง แต่ศาลชี้ว่ากลุ่มของผู้ตายรุมทำร้ายฝ่ายจำเลยโดยไม่หยุดมือ อีกทั้งยังมีพรรคพวกมากกว่าฝ่ายจำเลยอย่างเห็นได้ชัด

ศาลกล่าวว่า “คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา (จำเลย) ที่จะเลือกหนทางอื่นอย่างใจเย็นเพื่อปกป้องตัวเองและเพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมราวกับพี่น้องของเขา”

นอกจากนี้ศาลยังพิจารณาด้วยว่า จำเลยแสดงความสำนึกผิดและชดเชยค่าเสียหายแก่ครอบครัวของผู้ตายเป็นจำนวนเงิน 2 ล้านเยน (ราว 464,312 บาท) ซึ่งเป็นเงินเก็บสะสมจากเงินเดือนจำนวน 200,000 เยน (ราว 46,431 บาท) ของเขา โดยที่เขาเองก็ต้องส่งเงินกลับไปช่วยเหลือทางบ้านที่ไทยด้วย

จำเลยยังมอบเงินอีก 1 ล้านเยน (ราว 232,156 บาท) แก่ครอบครัวของผู้ตาย โดยเป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากเพื่อน ๆ ของเขา

ในวันที่ 17 ก.ย. 2567 ซึ่งเป็นวันที่ศาลตัดสินโทษ มีชาวไทยในญี่ปุ่นหลายคนเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี โดยศาลโยโกฮามาได้อธิบายเหตุผลที่ตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี แก่จำเลยชาวไทย แต่ผ่อนผันให้เป็นการรอลงอาญา 5 ปี ซึ่งเท่ากับว่าในระยะ 5 ปีนี้ ห้ามจำเลยทำผิดกฎหมายญี่ปุ่นอีกอย่างเด็ดขาด ซึ่งฝ่ายจำเลยได้พยักหน้ารับทราบคำตัดสินดังกล่าว

ที่มา : asahi.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES