เมื่อวันที่ 19 ก.ย. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีที่ได้รับการร้องเรียนจาก คุณวิภา หลานสาวของคุณยายวุ้น อายุ 91 ปี ว่าคุณยายถูกลูกชายแท้ๆ กับเมีย ไปฟ้องร้องในความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า โดยเหตุเกิดจากกะเพราต้นเดียว

ยายวุ้น อายุ 91 ปี เล่าว่า ตนมีลูกชาย 2 คน และอาศัยอยู่ในที่ดินผืนเดียวกัน ใน จ.กาญจนบุรี ต่อมามีการแบ่งที่ดินให้ลูกตามปกติ ซึ่งเป็นที่ดิน ภ.บ.ท.5 ไม่มีโฉนด แต่อนุญาตให้ทำกิน ก็มีการแบ่งให้ลูกไป แต่ยอมรับว่า ลูกชาย 2 คน มีปัญหากับแม่ เรื่องการแบ่งที่ดิน ซึ่งล้ำกันไปมา โดยยายวุ้นจะปลูกต้นไม้เป็นแนว แบ่งที่ดินแต่ละแปลงให้เป็นแนวเขตแยกจากกัน

ต่อมาเมื่อเดือนกรกฎาคม ยายวุ้นมีปัญหาทะเลาะกับลูกชาย ชื่อนายวุฒิ เรื่องกะเพราต้นเดียว เพราะนายวุฒิบอกว่า แม่ปลูกกะเพราล้ำเข้ามาในที่ดินของเขา จะปลูกล้ำอะไรนักหนา จะเอาที่กันไปหมดเลยหรือไง แล้วนายวุฒิยังไปตามเมียมาช่วยด่าตนอีกด้วย

นายวุฒิยังเคยเอามีดมาขีดเส้นบนดิน บอกว่าที่ดินของตนคือตรงนี้ ส่วนหน้ามุขของบ้านแม่ ที่ยื่นล้ำเข้ามา ต้องรื้อถอนออกให้หมด

ยายวุ้นก็บอกลูกไปแล้วว่า อีกไม่นานตนก็ตายแล้ว ถ้าตนตาย ที่ดินก็เอาไปเถอะ แต่ถ้าจะเอาเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวจะยอมไปอยู่วัดให้ ถ้าลูกอยากได้ที่นัก ทุกครั้งที่มีปัญหาด่าทอกัน ลูกชายจะตามเมียมาด่าตน เคยมีเหตุการณ์ที่ลูกสะใภ้จิกทึ้งหัวยายวุ้น ถอดรองเท้ามาตีหน้ายายวุ้น จนชาวบ้านต้องมาช่วยแยกออก

ด้านนายวุฒิ กับ นางฉลวย ลูกชายและลูกสะใภ้ของยายวุ้น เล่าเหตุการณ์ว่า ที่ดินก็มีแนวเขตชัดเจน แต่กิ่งของต้นไม้ที่ยายปลูกมันล้ำเข้ามาในที่เรา นายวุฒิบอกว่า เดี๋ยวมีวัวของชาวบ้านมันเดินมากิน แม่ก็จะไปด่าเขาอีก เราก็เลยต้องบ่นแม่ไป ส่วนนางฉลวยเดินไปเก็บยอดมะระในที่ของตัวเอง ยายวุ้นก็ตะโกนด่านางฉลวยอย่างหยาบคาย ทำให้นางฉลวยด่ากลับ

หลังจากนั้น ยายวุ้นก็ไปแจ้งความกับตำรวจ ว่าลูกชายกับลูกสะใภ้ด่าว่าตน ขณะที่ลูกสะใภ้ก็ไปแจ้งความกลับ ว่าตนถูกด่าก่อน ก็เลยต้องด่ากลับ

นางฉลวยบอกว่า ยายวุ้นอคติกับตน ตั้งแต่ตนมาได้กับนายวุฒิ เขาก็ไม่เคยรักตนเลย ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่มาเป็นสะใภ้ ทอดปลาหมึกอะไรให้เขากิน เขาก็บอกว่าไหม้บ้าง บอกว่าไม่สุกบ้าง เวลามีปัญหาอะไร ก็จะด่าตนหยาบๆ คายๆ ด่าถึงต้นตระกูล ด่าให้ของลับต่างๆ นานา

ขณะที่คุณวิภา ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของยายวุ้น เป็นคนที่มาช่วยพายายวุ้นไปแจ้งความ รู้ว่าเขาด่าทอกันไปมา เห็นว่ายายวุ้นเขาตัวคนเดียว ฝ่ายนายวุฒิเขามีกันสามคน ก็เลยต้องเข้ามาช่วยยายวุ้น

ขณะที่ทาง ทนายปาย-เอมมิกา สุดพันธ์ ให้ความรู้ในทางกฎหมายว่า ในส่วนของการด่ากันไปกันมา เป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะเอาผิดกันได้ เพราะเป็นการสมัครใจวิวาท ต่างฝ่ายต่างไม่สามารถจะเรียกร้องความเสียหายทางแพ่ง

และที่สำคัญ เรื่องการแย่งกรรมสิทธิ์ที่ดิน ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจดีๆ ว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงคือรัฐ รัฐให้สิทธิในการทำประโยชน์เหนือที่ดินเท่านั้น การมาแย่งสิทธิกันมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะที่ดินผืนนี้ไม่ใช่ของใครเลย

ทนายปายยังให้ความเห็นนอกเหนือจากมุมของกฎหมายอีกว่า หากพูดกันแบบไม่ต้องอ้างอิงกฎหมาย ก็อยากบอกทั้งสองฝ่ายว่า ไม่ควรทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โต อย่าถึงกับการตัดลูกตัดแม่กันเลย คุณยายอายุมากแล้ว ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา คนที่ต้องมาช่วยเหลือดูแลก็หนีไม่พ้นลูกหลาน เพราะฉะนั้น ถ้ามีเรื่องต่อว่าด่าทอกัน ก็อยากให้ต่างฝ่ายต่างใจเย็น อะไรปล่อยผ่านได้ก็ผ่านจะดีกว่าไหม

ส่วนเรื่องที่ยายวุ้นบอกว่า ยายต้องไปอยู่ในห้องขัง ทำไมอีกฝ่ายไม่ต้องติดคุกบ้าง เรื่องนี้ทางรายการได้โฟนอินไปทางร้อยเวรที่รับผิดชอบคดี

ขณะที่นายทรัพย์ ลูกชายอีกคนของยายวุ้น โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า ยายวุ้นไปพูดจาน่าสงสารว่า กินข้าวกับเกลือ มันก็ดูไม่ดี เหมือนว่าลูกไม่ดูแล ปล่อยปละละเลยแม่ ซึ่งมันไม่จริง แล้วที่คุณวิภาพาแม่ตนไปออก ก็คือเขาวางแผนทุกอย่าง คนที่ไปออกข่าว เขาไม่ได้มารู้เรื่องด้วยว่าแม่ตนกินอยู่ยังไง

สุดท้ายเรื่องนี้ ครูกะปิและทนายปาย ได้ช่วยกันไกล่เกลี่ยให้สองฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ จะต่างคนต่างอยู่ หรืออะไรก็ได้ แต่ขอไม่ให้มีเรื่องมีราวกันอีก เพราะสุดท้ายก็เป็นแม่ลูกกัน เป็นอะไรขึ้นมาก็ต้องช่วยเหลือกันต่อ