เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายคมสันต์ ทิศกระโทก อายุ 41 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านลำเพียก หมู่ที่ 11  อยู่บ้านเลขที่ 20 อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่า ชื่อ นามสกุล และเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก นั้นไปตรงกับผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำแห่งหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต  แม้ว่าจะได้ทำการติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางอำเภอ ตำรวจ รวมไปถึงกรมราชทัณฑ์  แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะต้องดำเนินการแก้ไขหรือดำเนินการอย่างไร แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม

โดยนายคมสันต์ ทิศกระโทก  เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 และเพิ่งลงจากตำแหน่งตามวาระเมื่อปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา  ซึ่งก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งผ็ช่วยผู้ใหญ่บ้าน  ก็มีการตรวจเช็คประวัติทุกอย่างเป็นปกติดี ดำรงตำแหน่งได้ไม่มีปัญหา แต่เมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2564 ตัวเองเกิดป่วย จึงจะเข้ารับบริการกับทางโรงพยาบาลประจำอำเภอ  จึงนำบัตรประจำตัวประชาชนไปเสียบที่ตู้รับบริการ ปรากฏว่า มีข้อความขึ้นว่าสิทธิของคุณอยู่ที่โรงพยาบาลเรือนจำภูเก็ต  สร้างความตกใจให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก จึงได้เข้าไปปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่งานทะเบียนอำเภอครบุรี ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้แนะนำไปปรึกษากับทางกรมราชทัณฑ์   ตัวเองจึงได้ติดต่อไปเพื่อให้ช่วยเช็ค

แต่ปรากฏว่า ชื่อนามสกุลของตัวเอง  เป็นผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดภูเก็ตจริง ต้องโทษในคดีค้ายาเสพติด ทั้งที่ตัวเองไม่เคยเกี่ยวข้องหรือมีคดีความต่างๆเลยแม้แต่คดีเดียว   ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ก็บอกว่าจะดำเนินการตรวจสอบให้และจะแจ้งกลับมาให้ทราบ

ในห้วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาตั้งปี พ.ศ.2564 ตัวเองได้ติดต่อทวงถามไปยังกรมราชทัณฑ์อยู่โดยตลอด แต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิมคือให้รอ จนทนไม่ไหวล่าสุดได้เข้าไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับทาง สภ.ครบุรี เมื่อเดือนเม.ย.67 แล้ว  ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านไปนั้น ตัวเองไม่สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรักษาพยาบาล ทุกครั้งที่ป่วยก็ไม่สามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลได้ ทำได้เพียงแค่เสียเงินไปรักษาตามคลีนิคเอกชน  บัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ถูกยกเลิก  จะทำอะไรที่ต้องใช้เอกสารหลักฐานทางราชการทุกอย่าง รวมถึงสมัครงาน ก็ไม่สามารถทำได้

ทุกวันนี้อาศัยเช่าที่ เพื่อทำไร่มันสำปะหลัง  และรับจ้างทั่วไป เลี้ยงครอบครัวที่อยู่รวมกันถึง 8 ชีวิต คือ พ่อ อายุ 71 ปี แม่ อายุ 70 ปี  ภรรยา และลูกชายคนโต วัย 8 ขวบ ลูกสาวคนรอง 7 ขวบ ลูกสาวคนเล็ก วัย 1 ขวบ 3 เดือน และหลานชายวัย 11 ปีอีก 1 คน ด้วยความยากลำบากแม้ว่าจะมีฝีมือทางช่างแต่ก็ไม่สามารถที่จะไปสมัครงานที่มีรายได้ดีกว่านี้ได้

ที่สำคัญเบื้องต้นตัวเองรู้จากคำบอกเล่า ของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ทางโทรศัพท์เพียงว่า คนที่ถูกขังอยู่ในคุก ในชื่อของตัวเองมีความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่า จะเป็นโทษร้ายแรงขนาดไหน หากคนในเรือนจำแหกคุกออกมา แล้วตัวเองที่มีชื่อ นามสกุล และเลขบัตรประชาชนที่ตรงกัน จะต้องตกอยู่ในสภาพใด และจะต้องกลายเป็นผู้ต้องหาไปอีกหรือไม่ จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบ เข้ามาช่วยจัดการและรับผิดชอบปัญหานี้อย่างเร่งด่วนด้วย เพราะนี่ก็ผ่านมานานแล้ว จะปล่อยให้ตัวเองต้องกลายเป็นนักโทษนอกเรือนจำอย่างนี้ไปนานอีกเท่าไร