เช้าวันพุธที่ 18 กันยายน 2024 ตามเวลาประเทศอิตาลี วงการฟุตบอลสูญเสียอีกหนึ่งนักเตะระดับตำนาน ซัลวาตอเร “โตโต้” สกิลลาชี”

แฟนบอลรุ่นปัจจุบันอาจยังไม่รู้จักเขาดีนัก แต่ถ้าเป็นแฟนบอลรุ่นใหญ่หน่อย สัก 30-40 ขึ้นไป รับรองว่า ไม่มีใครรู้จัก “โตโต้”

ถามว่า สกิลลาชี ยิ่งใหญ่แค่ไหน เทียบชั้นถึงระดับตำนานได้หรือไม่?

ตอบตรงๆ ก็คือ ได้ทั้ง 2 อย่าง แล้วแต่ความชอบ และมุมมองของแต่ละคน

เพราะ สกิลลาชี ติดทีมชาติอิตาลีไปแค่ 16 นัด ยิงได้แค่ 7 ประตู

แต่ 6 จาก 7 ประตูนั้น เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 1990 ทำให้ เขาเป็นดาวซัลโวของการแข่งขัน

ความจริงแล้ว ก่อนบอลโลกในบ้านตัวเอง ตอนนั้น “โตโต้” ไม่ใช่กองหน้าตัวหลักในทีมของ อเซโญ วิชินี

ซูเปอร์สตาร์ชุดนั้นคือ จานลูกา วิอัลลี ที่ถูกวางเป็นตัวความหวังสูงสุด

กองหน้าในทีมที่เหลือ นอกจาก สกิลลาชี แล้ว ยังมี อันเดรีย คาร์นาวาเล, อัลโด เซเรนา, โรแบร์โต มันชินี

และ โรแบร์โต บาจโจ ที่ตอนนั้นเป็นหัวหอกดาวรุ่งจาก ฟิออเรนตินา วัยแค่ 23 ปี

คู่กองหน้าตัวจริงของ วิชินี ตอนนั้นคือ วิอัลลี จากซามพ์โดเรีย กับ คาร์เนวาเล จากนาโปลี

แต่ สกิลลาลี เป็นตัวสำรอง ถูกเปลี่ยนลงมายิงประตูชัยได้ตั้งแต่เกมเปิดสนามกับ ออสเตรีย ช่วยให้เจ้าภาพเฉือนชนะไป 1-0 ทำให้กระแสของเขาแรงขึ้นเรื่อยๆ

เกมที่ 2 กับ อเมริกา วิชินี ยังใช้ วิอัลลี กับ คาร์เนวาเล เป็นตัวจริง แต่ก็ไม่เวิร์กอีก แม้ทีมจะเฉือนชนะได้ 1-0 ก็ตาม

ทำให้เกมที่ 3 กับ เชโกสโลวาเกีย เขาตัดสินใจเปลี่ยนคู่กองหน้า ส่ง สกิลลาชี เป็นตัวจริง คู่กับนักเตะที่ยังไม่ได้ลงเล่นเลยอย่าง โรแบร์โต บาจโจ

ปรากฏว่า สกิลลาชี กับ บาจโจ ยิงประตูได้ทั้งคู่ ช่วยทีมชนะ 2-0

หลังจากนั้น “อิตาเลีย 1990” ก็เป็นเรื่องราวของ “บาจโจ-สกิลลาชี” แทบทั้งทัวร์นาเมนต์

ทั้งคู่แจ้งเกิดเต็มตัว สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นตำนานของทีมชาติในชุดนั้น

ก่อนพาทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศ แต่แพ้จุดโทษต่อ อาร์เจนตินา สุดเจ็บปวด 3-4 หลังเสมอ 1-1

ยังดีที่เกมชิงอันดับ 3 เฉือนชนะ อังกฤษ 2-1 โดย บาจโจ และ สกิลลาชี ยิงประตูได้ทั้งคู่

นอกจาก สกิลลาชี ที่เสียชีวิตแล้ว สมาชิกอีกคนของอิตาลีชุดบอลโลก 1990 ที่เสียชีวิตก็คือ จานลูกา วิอัลลี

วิอัลลี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน เขาจากไปเมื่อ 6 มกราคม 2023 ขณะที่อายุ 58 ปี

การเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งของ 2 ยอดนักเตะระดับตำนานครั้งนี้ ทำให้มีการพูดถึง และเกิดกระแสบางอย่างที่น่าสนใจ

นั่นคือการบริโภคอาหารแปรรูปของคนเรา เพราะอิตาลีนั้นขึ้นชื่อมากเรื่องอาหารแปรรูป ที่มีหลากหลาย และออกขายไปทั่วโลก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Thamagun Thamachart โพสต์เอาไว้อย่างน่าสนใจ

และน่าจะเป็นบทเรียนที่ดีให้แฟนบอล รวมถึงคนทั่วไปได้เรียบรู้จากการเสียชีวิตของ วิอัลลี และ สกิลลาชี

จะเป็นยังไง ไปอ่านกัน
+++++++++++++++++++++++
วิอัลลี & สกิลลาชี

ฟุตบอลโลก 1990 อิตาลีเป็นทั้งเจ้าภาพและตัวเต็ง จานลูกา วิอัลลี คือหน้าเป้าตีนหนึ่งขณะนั้น เขาดุจเทพบุตรที่สาวกอัซซูรีคาดหวังที่สุด

ทว่าทัวร์นาเมนต์นั้น วิอัลลีฝืด แม้แต่ลูกโทษที่จุดโทษ เขายังทำพลาด ตรงกันข้ามกับสกิลลาชีที่ขึ้นมาผงาด โตโต้คือซูเปอร์ซัพที่ลงมาแล้วยิง ยิงแล้วยิงเล่า จนได้ดาวซัลโว

ถ้าว่ากันด้านทีมชาติ สกิลลาชี เป็นที่จดจำกว่า แต่ถ้าด้านสโมสร วิอัลลี กวาดถ้วยได้เหนือ ทั้งคู่เคยเล่นให้ ยูเวนตุส แต่คนละยุค ซัลวาตอเร อำลาทีมไปในปี 1992 และปีนั้น จานลูกา เข้ามาแทนที่

สกิลลาชี ซิวถ้วยยูฟ่ามาให้ม้าลายได้หนึ่งใบ ขณะที่ วิอัลลี มีทั้งบิ๊กเอียร์, ยูฟ่าคัพ, สคูเดตโต้ และโคปาอิตาเลีย

สองคนนี้เกิดปีเดียวกันคือ 1964 วิอัลลีแก่เดือนกว่าครึ่งปี ตอนจบทั้งคู่ตายด้วยมะเร็งเหมือนกัน วิอัลลี ตายอายุ 58 สกิลลาชี อายุ 59 เจ้าโตโต้อายุยืนกว่าปีหนึ่ง

มะเร็งของวิอัลลีอยู่ที่ตับอ่อน พบไม่บ่อย ไม่ติดท็อปเทน และมีอัตราตายสูงมาก รักษายาก ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

มะเร็งของ สกิลลาชี อยู่ที่ลำไส้ เป็นมะเร็งที่พบบ่อย อันดับ 3 รองจากปอดและเต้านม การรักษากับโอกาสหายขึ้นอยู่กับระยะที่ตรวจพบ

อาการของมะเร็งลำไส้ คือถ่ายเป็นเลือด ถ่ายเป็นมูก ท้องเสียสลับท้องผูก ยิ่งถ่ายอุจจาระยิ่งเล็กลงเล็กลง

สาเหตุเชื่อว่าเกิดจากการรับประทาน เนื้อสัตว์แปรรูป เนื้อแดง หรือมีเลือดติด อาหารหมักดอง อาหารค้างคืน ที่เก็บไว้หลายๆ วัน

ใครที่มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งลำไส้ ให้เอาอายุของคนไข้ขณะที่พบมะเร็ง ลบด้วย 10 ปี คืออายุที่ญาติต้องไปทำ Colonoscopy

ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรง ปลอดจากมะเร็งทั้งหลายครับ.

เครดิตจากเพจ Thamagun Thamachart