เมื่อเวลา 15.13 น.วันที่ 18 ก.ย.ที่ตึกภักดีบดินทร์  ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ภายหลังการการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 ว่า  อยากให้ขยายผลจังหวัดกลุ่มเป้าหมายจาก 25 จังหวัด ไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ สกลนครประจวบคีรีขันธ์  นราธิวาส และระยอง เพื่อให้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดโดยเร็ว และอยากให้จัดทำข้อมูลการักษาผู้เสพเข้าใจว่ามันเป็นความลับ เพราะไม่อยากให้มีประวัติที่ไม่ดี เราไม่ตั้งใจเช่นนั้น แต่อยากให้มีข้อมูลไว้เพื่อจะได้ไม่ทำงานซ้ำซ้อน อยากให้มีการศึกษาในเรือนจำ เพราะผู้ที่ติดยาเสพติดจะเป็นผู้มีโอกาสได้รับการศึกษาน้อย หากเข้าไปอยู่ในเรือนจำ จะมีวิธีช่วยตรงนี้อย่างไร อยากให้ช่วยกันคิดแนวทางขึ้นมา และอยากให้มีการสื่อสารกับสังคม ไม่ใช่แค่แสดงผลงาน แต่เป็นการทำให้สังคมรู้ว่าเราจริงจังกับ เป็นภาพที่จบทั้งกระบวนการ เช่นจับแล้วกี่ราย ยาเสพติดที่จับมาไปอยู่ที่ไหน เผาทำลายกี่รอบอย่างไร เพื่อให้ประชาชนหมดข้อสงสัย รวมไปถึงการยึดทรัพย์ เราต้องทำระเบียบอย่างชัดเจนและให้มีการยึดทรัพย์อย่างจริงจัง และข้อสั่งการที่กล่าวมานี้หากมีการคืบหน้าแจ้งให้ตนรับทราบด้วย

ขณะที่นายอุทัย สินมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวเสริมว่า เดิมที่ป.ป.ส.กำหนดไว้ว่า ข้าราชการทุกคนจะต้องผ่านการชี้วัดในปีสุดท้ายให้ยึดทรัพย์สินได้ปีละ 1 แสนล้าน ซึ่งทางกระทรวงการคลัง ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็ได้ทวงถามให้รมว.ยุติธรรม กำหนดตัวชี้วัด การยึดทรัพย์สินให้ไม่น้อยกว่าที่เคยกำหนดไว้ 

ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ไม่ได้มีการกำหนดในเรื่องการยึดทรัพย์ แต่เป็นมาตรการที่เราพูดคุยกัน แต่หากให้มีการกำหนดการยึดทรัพย์ได้ปีละ 1 แสนล้าน จะทำให้ข้าราชการไปกลั่นแกล้งประชาชนได้ เพราะสุดท้ายต้องยอมรับว่าการยึดไม่ยึดทรัพย์อยู่ที่คำพิพากษาของศาล เราไม่อยากเข้าไปก้าวล่วงอำนาจศาล.