เมื่อวันที่ 18 ก.ย.  นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม.ในพื้นที่เขตคลองสาน โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตคลองสาน สำนักเทศกิจ สำนักการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล


โดยรองผู้ว่าฯ กทม.และคณะ ตรวจการจัดระเบียบผู้ค้าในพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน บริเวณถนนท่าดินแดง ฝั่งขาเข้า ตั้งแต่หน้าอาคารเลขที่ 200 ถึงปากซอยท่าดินแดง 16 มอบหมายให้เขตคลองสาน จัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าทั้งหมด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขายหรือจำหน่ายสินค้าบนถนนหรือสถานสาธารณะ พ.ศ. 2567

สำรวจตัวตนของผู้ค้าบริเวณถนนท่าดินแดงทั้ง 2 ฝั่ง ที่ทำการค้าอยู่จริงให้ตรงกับบัญชีรายชื่อผู้ค้าที่ได้ลงทะเบียนไว้กับทางเขตฯ ปรับเปลี่ยนร่มหรือเต็นท์ให้เป็นรูปแบบหรือลักษณะเดียวกันทั้งหมด กำหนดความกว้างในการตั้งวางแผงค้าของแต่ละร้าน ขีดสีตีเส้นแบ่งขอบเขตให้ชัดเจน กวดขันร้านค้าที่จำหน่ายอาหารไม่ให้ตั้งวางโต๊ะและเก้าอี้บนทางเท้า ขอความร่วมมือผู้ค้าให้จัดเก็บอุปกรณ์ทำการค้าและทำความสะอาดพื้นที่หลังเลิกทำการค้าในแต่ละวัน หากผู้ค้าไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทำการค้าที่กำหนดไว้ได้ ให้เขตฯ พิจารณายกเลิกจุดทำการค้าดังกล่าวต่อไป 

ปัจจุบันเขตคลองสาน มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน จำนวน 8 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 454 ราย ซึ่งในปี 67 ยกเลิกจุดทำการค้า 2 จุด เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 67  และจะยกเลิกจุดทำการค้า 2 จุด ได้แก่ 1.ถนนลาดหญ้า ฝั่งขาออก ตั้งแต่สะพานลอยคนข้ามโค้งวงเวียนใหญ่ ถึงหน้าองค์การโทรศัพท์ ผู้ค้า 45 ราย 2.ถนนลาดหญ้า ฝั่งขาเข้า ตั้งแต่สะพานลอยคนข้ามโค้งวงเวียนใหญ่ ถึงหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ผู้ค้า 30 ราย ผู้ค้าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ทำการค้า โดยเชิญผู้ค้ามาประชุมทำความเข้าใจ กำหนดยกเลิกเดือน ธ.ค. 67 


ส่วนพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน จำนวน 10 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 153 ราย ซึ่งในปี 67 เขตฯ ยกเลิกจุดทำการค้า 4 จุด และจะยกเลิกจุดทำการค้าบริเวณถนนลาดหญ้า (ฝั่งเลขคู่) ตั้งแต่ปากซอยลาดหญ้า 10 ถึงหน้าสหกรณ์ ผู้ค้า 4 ราย กำหนดยกเลิกเดือน ธ.ค. 67 


พร้อมกันนี้ รองผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบหมายให้เขตฯ สำรวจในพื้นที่ว่ามีจุดที่เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและมีการลักลอบนำขยะมาทิ้งจำนวนกี่จุด สำหรับแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับอาคารทิ้งร้าง และที่ดินที่ถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า หรือบริเวณที่เป็นจุดเสี่ยง หรือจุดล่อแหลมต่อการเกิดอาชญากรรม หรือปล่อยปละละเลยให้มีการทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย เศษวัสดุก่อสร้าง ซึ่งสำนักเทศกิจได้มีหนังสือสั่งการให้สำนักงานเขตดำเนินการตามข้อกฎหมาย จำนวน 7 ฉบับ 


ดังนี้ 1.พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 2.พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 3.พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 4.ประมวลกฎหมายที่ดิน ประกอบกับระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินที่ถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าให้ตกเป็นของรัฐ พ.ศ. 2522 5.พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 6.พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 และ 7.พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2564 


เยี่ยมชมต้นแบบการคัดแยกขยะโรงแรมในพื้นทึ่ โดยปริมาณขยะก่อนคัดแยกและหลังคัดแยก ดังนี้ ขยะทั่วไปก่อนคัดแยก 100 กิโลกรัม/วัน หลังคัดแยก 70 กิโลกรัม/วัน ขยะรีไซเคิลหลังคัดแยก 15 กิโลกรัม/วัน ขยะอินทรีย์หลังคัดแยก 15 กิโลกรัม/วัน ทั้งนี้ รองผู้ว่าฯ กทม.ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ดูแลรับผิดชอบในการคัดแยกขยะประเภทต่าง ๆ เพื่อให้การคัดแยกขยะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งปริมาณขยะที่คัดแยกจะมีผลต่ออัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการมูลฝอยฉบับใหม่ 


ติดตามการใช้จ่ายงบประมาณโครงการก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม ซึ่งเป็นการก่อสร้างอาคารเรียน ความสูง 7 ชั้น ขณะนี้ผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างพื้นฐานรากชั้น 1-6 แล้วเสร็จ ก่อสร้างผนังอาคารและผนังห้องชั้น 2-4 อยู่ระหว่างขึ้นโครงสร้างชั้น 6-7  ซึ่งพบว่าการก่อสร้าง มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ โครงการในภาพรวมแล้วเสร็จกว่า 55% สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ตามงวดในปีงบประมาณที่กำหนด ผู้รับจ้างยืนยันว่าโครงการก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนมัธยมวัดสุทธาราม จะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2568 สามารถเปิดใช้อาคารเรียนหลังใหม่ได้ในปีการศึกษา 2568.