สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ว่ากระทรวงการคลังญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ เพิ่มชื่อบริษัทเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเครือร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น เข้าสู่บัญชีกิจการที่ถือเป็น “อุตสาหกรรมหลักของประเทศ” โดยต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวหรือการดำเนินงานที่จะไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขององค์กร เนื่องจากภาครัฐถือว่า “มีความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ”


สำหรับอุตสาหกรรมอื่นที่อยู่ในรายชื่อนี้เช่นกัน รวมถึง บรรดาผู้ผลิตในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ แร่ธาตุหายาก และเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงผู้ประกอบการด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลญี่ปุ่นเกิดขึ้น หลังเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปฏิเสธข้อเสนอครอบงำกิจการของบริษัท อาลีมองตาซิยง คูช-ตาร์ (เอซีที) ซึ่งเป็นผู้บริหารเครือร้านสะดวกซื้อรายใหญ่สัญชาติแคนาดา “เซอร์เคิล เค” เนื่องจากเป็นข้อเสนอที่ “ประเมินคุณค่าของเซเว่นอีเลฟเว่นต่ำเกินไป” และไม่สอดคล้องกับความท้าทายหลายประการ ซึ่งรวมถึงการต้องเผชิญกับกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของสหรัฐ


ทั้งนี้ เอซีทียื่นข้อเสนอมายังเซเว่น แอนด์ ไอ เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ขอซื้อกิจการเซเว่นอีเลฟเว่น เบื้องต้นเป็นเงิน 5.6 ล้านล้านเยน (ราว 1.31 ล้านล้านบาท)


เกี่ยวกับการตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่น เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอของเอซีที แม้หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของการอยู่ในรายชื่อนี้ รวมถึงการที่ภาครัฐจะมีอำนาจ คัดค้านและยกเลิก ความพยายามของต่างชาติที่จะเข้าซื้อกิจการ “ในบางกรณี”


ปัจจุบัน เซเว่นอีเลฟเว่น เป็นเครือร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยสาขาทั่วโลกมากกว่า 85,000 แห่ง ในจำนวนนี้มากกว่า 13,000 แห่ง เป็นสาขาในสหรัฐและแคนาดา ส่วนสาขาแรกในญี่ปุ่นเปิดเมื่อปี 2517 ขณะที่เอซีทีมีสาขาร้านสะดวกซื้อมากกว่า 16,700 แห่ง กระจายอยู่ใน 31 ประเทศ.

เครดิตภาพ : AFP