“อยากให้ได้รู้ว่าในมิชลินไกด์นั้น มีร้านอาหารไทยที่ได้ดาวมิชลินอยู่ด้วย และยังได้ถึง 2 ดาวมิชลิน ทั้งยังเป็นอาหารไทยที่เสิร์ฟในสไตล์ Fine Dining ซึ่งเป็นรูปแบบสากล โดยยังคงอัตลักษณ์ของอาหารไทยดั้งเดิมไว้อย่างเต็มเปี่ยม กองข่าวสารท่องเที่ยว (กชส.) ซึ่งทำหน้าที่ผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เห็นความสำคัญของการถ่ายทอดเรื่องราวของร้านอาหารมิชลินสตาร์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย จึงต้องร่วมประชาสัมพันธ์ร้านอาหารที่ได้บรรจุอยู่ในมิชลินไกด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ข้อมูลเข้าถึงนักท่องเที่ยวได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น” ปาริชาติ บุญคล้าย ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกเหตุผล

ร้านอาหารไทย 2 ดาวมิชลิน ที่ว่าคือ ร้าน “R-HAAN” ที่มี เชฟชุมพล แจ้งไพร รับหน้าที่ในการรังสรรค์อาหารไทยตำรับพื้นที่และตำรับอาหารชาววัง โดยเฟ้นหาวัตถุดิบชั้นเยี่ยมตั้งแต่เหนือจดใต้ของประเทศไทย จนออกมาเป็นเมนูที่มีเอกลักษณ์และบ่งบอกถึงภูมิปัญญาด้านอาหารของคนไทย โดยมาพร้อมกับคอนเซปต์รายการอาหารที่จะเปลี่ยนใหม่ตามฤดูกาล

“ที่ร้าน R-HANN เราจะเสิร์ฟอาหารทั้งหมด 7 คอร์ส 21 เมนู โดยจะยึดวันเปลี่ยนรายการอาหารหลังจากวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกตในแต่ละฤดูกาล ซึ่งเมนูอาหารนั้นก็จะเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบในฤดูนั้น ๆ อย่างช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงฤดูฝนก็จะเป็นสำรับวัสสานฤดู” เชฟชุมพล อธิบาย

สำรับวัสสานฤดู หรือสำรับฤดูฝนเริ่มต้นด้วยออร์เดิร์ฟ 5 เมนู จาก 5 ภูมิภาค ที่เชฟแบ่งออกตามภาคการท่องเที่ยวของไทยที่ประกอบด้วย ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคอีสาน และภาคใต้ โดยคัดสรรวัตถุดิบพื้นบ้านตามฤดูกาลจากแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย รังสรรค์ทุกเมนูขึ้นด้วยภูมิปัญญาอาหารไทย มาเป็นเมนูที่จัดวางอยู่บนแผนที่ประเทศไทยตามภาคนั้น ๆ

5 เมนูแต่มีถึง 8 รสชาติให้สัมผัสครบทุกอรรถรสในหนึ่งคำ ได้แก่ กระทงทองกรอบหอมล้านนา จากภาคเหนือ ขยับลงมาที่ภาคกลาง กับข้าวนํ้าพริกปลาทูคู่กรุงศรี เสิร์ฟแบบม้วนเป็นคำคล้ายกับซูชิ ออกไปทางภาคอีสานกับ อํ่าปลานาลูกอีสาน หอมกรุ่นกลิ่นเครื่องปรุงสไตล์อีสาน ลงมาภาคตะวันออกกับ กะปิเมืองระยองคล้องจองชีสไทย ที่มาเป็นลูกกลม ๆ ล่างสุดภาคใต้กับ เนื้อควายย่างสยามมาซาล่า ที่แอบหยิบเอาเนื้อควายจากเมืองแพร่มาปรุงในแบบอาหารภาคใต้

“เนื้อควายจะมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างจากวัว และแพร่เป็นจังหวัดที่ยังคงมีการบริโภคเนื้อควายอยู่มากกว่าเนื้อวัว ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตเนื้อควายที่ดีด้วย ถ้าได้เคยกินแล้วจะรู้ถึงความแตกต่างกับเนื้อวัว ซึ่งลูกชิ้นเนื้อวัวที่ต้องการกลิ่นที่ชัดเจนจะต้องนำเนื้อควายมาผสมด้วย”

เรียกนํ้าย่อยกันต่อด้วย “สืบสานสุดยอดโครงการหลวง” เมนูพิเศษนี้ที่ผสานความคิดสร้างสรรค์และความภาคภูมิใจ ในการยกระดับวัตถุดิบพื้นบ้านไทย โดยนำคาเวียร์จากโครงการหลวงดอยอินทนนท์ ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก มาวางท็อปปิงไว้บนยอดมะพร้าวอ่อนตกแต่งเป็นช่อกุหลาบ ราดด้วยนํ้ากะทิ มีนํ้ามันผักชีที่ช่วยให้กลิ่นสัมผัส หอมสดชื่นอย่างลงตัว ว่ากันว่าเมนูนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสืบสานภูมิปัญญาไทยเท่านั้น แต่ดีต่อสุขภาพด้วย เพราะยอดมะพร้าวอ่อนมีแคลเซียม ส่วนคาเวียร์อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุและโอเมก้า-3 ซึ่งล้วนดีต่อสุขภาพหัวใจ

ตามมาติด ๆ ด้วย “ลาบลู่สลัด” แบบไร้เนื้อสัตว์ หรือ “ลาบมะเขือเทศ” เมนูที่มาพร้อมกับไอหมอกลอยเรี่ยชวนให้นึกถึงบรรยากาศภาคเหนือ ตามวัตถุดิบที่นำมารังสรรค์อย่างมะเขือเทศที่ผ่านการเคี่ยวด้วยไฟอ่อนในนํ้ามัน 3 ชั่วโมง ที่มาในรูปแบบสลัดละเมียดละไมเข้าถึงรสสัมผัสได้ง่าย ไม่จัดจ้านมากนัก แต่อุดมด้วยไลโคปีนเพื่อสุขภาพผิว เสริมด้วยกลิ่นจากมะแขว่น ผักชีใบเลื่อย และผักแพว เข้ากันได้ดีกับความเนียนนุ่มของอะโวคาโด ชวนให้สัมผัสถึงเรื่องราวของวัตถุดิบที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ

ต่อด้วย “แกงแตกหน่อพื้นบ้าน” แกงหน่อไม้ไก่รสแซ่บอย่างอีสาน แต่แปลกตาด้วยการจัดจานอย่างประณีต ลงตัวอย่างมีเอกลักษณ์ จนไม่มีภาพของแกงหน่ออย่างที่คุ้นเคยให้เห็น แต่เมื่อได้ลิ้มรสก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นของแกงแตกหน่อของภาคอีสานที่มีกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพรประจำถิ่นนำมาก่อนรสชาติที่เข้มข้น

ปิดท้ายอาหารเรียกนํ้าย่อยที่ “รอยัลคอนซูเม่” ลูกรอกทำจากไข่ออร์แกนิกหน้าตาดูคุ้นเคยแบบเดียวกับในแกงจืดที่เคยเห็น แต่เปลี่ยนมาอยู่ในชามกับนํ้าซุปใสอบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพรแบบต้มยำนํ้าใสที่มีทั้งรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดที่ผสมผสานอย่างลงตัว

จากนั้นคั่นเวลาล้างปากเพื่อเตรียมรับรสกับเมนูหลักด้วย ไอศกรีมซอร์เบต “ซุปเปอร์ C10” ที่รวมเอาวิตามินซีจากผลไม้รสเปรี้ยว 10 ชนิดไว้ด้วยกัน

ถึงเวลาจานหลักจะมาพร้อมกันแบบสำรับไทย โดยนำมาด้วยจีไอข้าวหอมมะลิไทยพร้อมใจพร้อมพลัง ที่ท็อปปิงด้านบนด้วยกระเทียมดำนํ้าผึ้ง เสิร์ฟมาในหม้อดินเผาใบกำลังพอเหมาะ จากนั้น “พะแนงแพะทุ่งครุ” ที่เชฟไปเลือกสรรเนื้อแพะมาจากชุมชนทุ่งครุ ชาวมุสลิมซึ่งมีการเลี้ยงแพะตามหลักฮาลาลมาด้วยตัวเอง โดยเป็นแพะอายุยังน้อยจึงทำให้เนื้อมีความนุ่มไม่เหนียวจนเกินไป เมื่อมาอยู่ในเมนูพะแนงเครื่องแกงจึงซึมเข้าเนื้อละมุนลิ้นเมื่อได้รับประทาน “ผัดเผ็ดแองกัสไทยสมุนไพรตะวันออก” ที่เชฟหยิบหน่อกระวานของดีเมืองจันทบุรีมาใช้ชูรสเนื้อแองกัสไทย และ “กุ้งเผาเมืองไทยขวัญใจนํ้าปลาหวาน” กุ้งแม่นํ้าตัวกำลังพอเหมาะผ่าครึ่งซีกเผาให้สุกกำลังพอดี เนื้อนุ่มเด้งเพราะความสดและหัวเต็มไปด้วยมันเยิ้ม เสิร์ฟมาพร้อมกับนํ้าปลาหวานและนํ้าจิ้มซีฟู้ด แนมด้วยผักสดอย่างผักกาดหิ่นหรือผักวาซาบิเมืองไทย ผักเกล็ดหิมะ มะเขือเทศลูกเล็กเผา ก็เรียงแถวมาพร้อมกันแบบไม่ให้หยุดพัก

ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่มี “ข้าวเหนียวมะม่วง” เมนูของหวานยืนพื้นของร้าน ขนมหวานไทยที่โด่งดังไกลไปทั่วโลก ซึ่งมาทีเดียวพร้อมกันถึง 3 สายพันธุ์ ทั้งอกร่อง นํ้าดอกไม้ มหาชนก กับข้าวเหนียวเขี้ยวงูมูนกะทิสด เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมกะทิสดรสละมุน หรือจะเลือกเป็น “เบญจหน้าฝนสืบค้นภูมิปัญญา” บัวลอยไข่หวานที่มาทีเดียว 5 สี ในนํ้ากะทิสด เพิ่มเติมด้วยไข่แดงเค็ม เมนูของหวานที่มาเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น

แถมท้ายด้วยการจิบชากับ “ขนมไข่ส้มซ่าแมนเดอร์ลาอินสปาย” “มัสกอดของไทยเรียนไกลจากฝา-หรั่ง” “ช็อกโกแลตเหล้าไทยหอมไกลลิ้นจี่” และ “ช็อกโกแลตคอฟฟี่วิสกี้ของไทย” ที่เรียงแถวมาให้เลือกลิ้มลองพร้อมกัน

7 คอร์ส 21 เมนู ทั้งหมดนี้ใช้เวลาในการรับประทานและเสิร์ฟตั้งแต่ต้นจนจบราว 1.30-2 ชั่วโมง โดยจะมีพนักงานคอยอธิบายถึงที่มาที่ไปของเมนูแต่ละอย่างที่เชฟได้รังสรรค์ออกมา เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มรสอาหารไทยรสเลิศพร้อม ๆ กับรับรู้เรื่องราวภูมิปัญญาด้านอาหารของไทยที่สืบสานจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงทุกวันนี้ด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1672 หรือติดตาม IG : 1672travelbuddy, TikTok : 1672travelbuddy,
Twitter : tat1672, Line : @tatcontactcenter และ www.tourismthailand.org

……………………………………
อธิชา ชื่นใจ