ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานพญาเต่างอย ตำบลเต่างอย อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธานแถลงข่าวจัดงาน “ประเพณีไหลเรือไฟ ไหว้สาพญาเต่างอย” ประจำปี 2567 โดยมี นายขัตติยา ชัยมณี วัฒนธรรมจังหวัดสกลนคร นายสุรชัย ศักดิ์สัมฤทธิ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร นางสาวเสาวนีย์ คนกล้า ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม นายกฤษฎิ์ โสมปัดทุม นายอำเภอเต่างอย พ.ต.อ.กิตติ แก้วทินกร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเต่างอย นายเรืองทรัพย์ งอยจันทร์ศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเต่างอย และนายชาญชัย งอยผาลา ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเต่างอย ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “ประเพณีไหลเรือไฟ ไหว้สาพญาเต่างอย” ประจำปี 2567 ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่ 24 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 13-17 กันยายน 2567 ณ สวนสาธารณะอำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณีสำคัญจังหวัตสกลนคร ฮีต 12 คอง 14 ให้คงอยู่ รวมถึงเผยแพร่ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในชุมชนให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ยกระดับงานประเพณีสำคัญของจังหวัดสกลนคร สู่ระดับประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ประชาชนมีรายได้ และเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในภาคธุรกิจท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
        

สำหรับ กิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ภายในงาน ประกอบด้วย ขบวนแห่ไหลเรือไฟบกจากวัสดุจากธรรมชาติ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สุดตระการดา การรวมพลังแรงศรัทธาของชาวอำเภอเต่างอย กว่า 500 คน เพื่อร่วมรำบวงสรวงถวายพญาเต่างอย การแสดง แสง สี เสียง “ปกรณัมแห่งศรัทธา ไหว้สาพญาเต่างอย” ที่มีการร้อยเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองสกลนคร และตำนานพญาเต่างอย โดยมีรองนางสาวไทย ปี 2566 “กิ๊ก-มาริษา พลธิราช” ร่วมแสดงในครั้งนี้ พร้อมชมการไหลเรือไฟโบราณในยามค่ำคืน เพื่อขอขมาและระลึกถึงคุณของพระแม่คงคา บวงสรวง พญาเต่างอย ที่ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีตำนานในการให้โชคลาภ และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวสกลนคร ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น จากลุ่มชาติพันธุ์ไทญ้อ ผู้ไท ไทลาว กลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และศิลปินที่มีชื่อเสียง “เบียร์ พร้อมพงษ์”, “ดอกฟ้า เพชรภูพาน”
        

นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันเรือยาว การแข่งขันชกมวยไทย การจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม สินค้าโอทอป อาหารพื้นถิ่น และร่วมสนุกกับกิจกรรมเรือไฟให้โชค ชิงรางวัลผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น และอื่นๆ อีกมากมาย ตลอด 5 วัน 5 คืน โดยมีมาตรการควบคุม การอำนวยความสะดวกด้านสาธารณสุข ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ตลอดจนงานจราจร และความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อรองรับประชาชนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในครั้งนี้