สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ว่าแคนาดาปฏิเสธนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น หลังรัฐบาลเสรีนิยมของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด พยายามลดจำนวนผู้พำนักชั่วคราวและผู้อพยพ ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัยและราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้น

ตามข้อมูลของหน่วยบริการชายแดนแคนาดา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5,853 คน ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา รวมไปถึงนักเรียน กลุ่มคนทำงาน และนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกับผู้ถือวีซ่า 285 คน ที่ถูกส่งกลับ ถือเป็นจำนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2562 คิดเป็นจำนวนผู้ถูกปฏิเสธเฉลี่ย 3,727 คน ต่อเดือนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 633 คน หรือร้อยละ 20 จากปีที่แล้ว

โฆษกซีบีเอสเอกล่าวว่า มาตรการคัดเลือกคนเข้าประเทศแปรผันตามรูปแบบการย้ายถิ่นฐาน และนโยบายที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณาเป็นรายกรณี “บทบาท นโยบาย และแนวปฏิบัติของซีบีเอสเอคือ การประเมินคุณสมบัติในการเดินทางของบุคคลที่ต้องการเข้ามาในแคนาดา” โฆษกย้ำ

ขณะเดียวกัน อัตราส่วนการถูกปฏิเสธวีซ่าท่องเที่ยว เมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา สูงกว่าช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด โดยเฉพาะระหว่างเดือน ม.ค.-ก.พ. และเดือน พ.ค.-มิ.ย. ซึ่งมีสถิติการปฏิเสธคำร้องมากกว่าการอนุมัติ เช่นเดียวกับวีซ่าศึกษาต่อและใบอนุญาตทำงาน ที่ถูกอนุมัติลดลงจากระดับสูงสุด ระหว่างปี 2565-2566

ทั้งนี้ หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดามุ่งมั่นใช้นโยบาย และขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองอย่างยุติธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ ส่วนอัตราการอนุมัติวีซ่าเล่าเรียนที่ลดลงนั้น เป็นไปตามมาตรการควบคุมโควตานักศึกษาต่างชาติ ซึ่งมีผลเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การลดลงดังกล่าวดูเหมือนจะเริ่มขึ้น ตั้งแต่ปีที่แล้ว.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES