เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ปัญญา นิรัติมานนท์ ผกก.สภ.เกาะพะงัน ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.สุราษฎร์ธานี (เกาะพะงัน) , เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ร่วมกันจับกุมนายโทมัส วิลเลียม โฟเลย์ อายุ 42 ปี สัญชาติอังกฤษ โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 6 ม.5 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

สืบเนื่องเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวสาวรายหนึ่ง ร้องเรียนว่าได้เข้าไปฉีดโบท็อกซ์เสริมความงามที่บ้านพักของนายโทมัส วิลเลียม โฟเลย์ หลังจากฉีดได้เกิดอาการแพ้รุนแรงทำให้หน้าเกิดอาการบวมแดงและมีรอยช้ำ นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวจึงได้ไปรักษาอาการและมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบถึงพฤติการณ์ของนายโทมัส วิลเลียม โฟเลย์ ว่าได้ปรับเปลี่ยนบ้านพักที่อาศัยอยู่ให้เป็นคลินิกเสริมความงาม โดยมีเครื่องมือรวมถึงเวชภัณฑ์ต่างๆ เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ

หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังบ้านพักหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวต่อนายโทมัส วิลเลียม โฟเลย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน พบเครื่องมือทางการแพทย์, เตียงพยาบาล ,และเวชภัณฑ์ต่างๆกว่า 120 รายการ รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำเวชภัณฑ์ทั้งหมดมาให้ ภญ.ชุติมา อุมา เภสัชกรปฏิบัติการของโรงพยาบาลเกาะพะงัน ตรวจสอบพบว่ามีตัวยาหลายประเภท ทั้งเวชภัณฑ์เครื่องสำอาง ,เคมีภัณฑ์ ,เวชภัณฑ์ยา ,เวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา และเวชภัณฑ์ยาที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน

จากการสอบถาม นายโทมัส วิลเลียม โฟเลย์ ให้การว่า ตนได้เปิดให้บริการเสริมความงามมาแล้วกว่า 5 เดือน ให้บริการลูกค้าทั้งในและนอกสถานที่ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะจองผ่านแอปพลิเคชัน วอตส์แอปป์ โดยจะคิดราคาค่าฉีดโบท็อกซ์ในราคา 800-10,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มที่ฉีด

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “จัดตั้งกิจการสถานประกอบการพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 16 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541,จำหน่ายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 และมียาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ, ช่วยจำหน่าย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ (เสริมความงาม)” นำส่งพนักงานสอบสวนสภ.เกาะพะงัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.