จากกรณี นายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิ ได้พา น.ส.เอ อายุ 41 ปี ชาว จ.อุดรธานี และ ด.ญ.บี อายุ 13 ปี ลูกสาว เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังถูกนายซี อายุ 58 ปี ชาว จ.อุดรธานี ที่ว่าจ้างให้ขับรถตู้รับส่งลูกสาวที่โรงเรียน ได้ใช้มือล้วงเข้าในเสื้อนักเรียนลูบคลำหน้าอก เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 26 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา นั้น

คืบหน้าเมื่อวันที่ 3 ก.ย. น.ส.เอ ได้เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังจากนั้นได้ไปให้ข้อมูลกับ พ.ต.ท.ธีรภาพ ภูขันซ้าย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ร้อยเวรเจ้าของคดี ซึ่ง ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้กำชับให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย เบื้องต้นจะออกหมายเรียกให้นายซี มาเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

น.ส.เอ เล่าว่า น้องบี เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งใน จ.อุดรฯ ซึ่งตนมีบ้านพักอยู่ที่ บ้านวังหน้าผา ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี จึงได้ว่างจ้างนายซี ให้ขับรถตู้รับส่งไปโรงเรียนทุกวัน จันทร์-ศุกร์ ว่าจ้างมาได้ปีกว่าแล้ว กระทั่งช่วง 07.00 น. วันที่ 26 ส.ค. นายซี ได้ขับรถตู้ไปส่งเด็กนักเรียนคนอื่นที่โรงเรียนอื่นหมดแล้ว เหลือน้องบี อยู่บนรถกัน 2 ต่อ 2 กำลังจะไปส่งน้อบีที่โรงเรียน ระหว่างติดไฟแดงตรง 3 แยกหน้าโรงเรียน นายซีได้ใช้มือซ้ายล้วงเข้ามาในเสื้อนักเรียน ลูบไล้ที่หลังก่อนแล้วลามมาที่หน้าอก ตอนนั้นลูกสาวตกใจมาก ได้ผลักมือนายซี ออก พยายามขัดขืน แล้วต่อว่าไปว่า อย่ามาทำแบบนี้กับหนูนะ หนูโตแล้ว ทำแบบนี้กับหนูไม่ได้ พอไปถึงหน้าโรงเรียนลูกสาวก็รีบเปิดประตูลงไปทันที ลูกสาวได้ร้องไห้ตกใจกลัวมาก จากนั้นนายซี ก็ตะโกนบอกว่าอย่างร้องไห้นะ อย่าไปบอกแม่หรือครู เพราะเขาจะเข้าใจผิด แล้วลูกสาวก็เข้าไปในโรงเรียน

น.ส.เอ เล่าอีกว่า วันนั้นทั้งวันลูกสาวร้องไห้อยู่ตลอด ระหว่างซ้อมวอลเลย์บอลกับเพื่อน เพื่อนเขาก็เข้ามาถามจนรู้เรื่องทั้งหมด เพื่อนลูกสาวจึงโทรมาบอกตนในช่วงเย็น ระหว่างนั้นก็โทรหาลูกสาว ถามเขาว่าทำไมไม่บอกแม่ ลูกก็บอกยังตกใจและสับสนอยู่ และตั้งใจจะกลับมาบอกที่บ้าน ขณะเดียวกันลูกสาวก็กลับบ้านด้วยรถตู้นายซี เหมือนเดิม นายซี ถามว่าโกรธเหรอ ลูกสาวก็ตะโกนกลับไปว่าอย่ามายุ่งกับหนู เมื่อมาถึงบ้านลูกสาวก็มาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง

“ขณะคุยกับลูกสาวอยู่ในห้องนอน นายซี ก็มาหาที่บ้าน เพื่อจะมาเจรจาเรื่องดังกล่าว เมื่อคุยกับลูกสาวเสร็จ ตนก็โทรหาแม่ตัวเองให้มาช่วยรับฟังด้วยกัน แล้วจึงลงไปหานายซี เขาก็ยอมรับผิด ยอมรับว่าทำจริง แต่ทำไปเพราะความเอ็นดูเหมือนลูกหลาน อยากจะให้รับผิดชอบอย่างไรก็ให้ว่ามาเลย เราไม่ได้ต้องการเงินทองอะไร สิ่งที่เสียไปคือความรู้สึกของลูกสาว สงสารเขาที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ สภาพจิตใจลูกแย่มาก เขาร้องไห้อยู่ตลอด ตอนนั้นตนก็ไม่ยินยอมตกลงไกล่เกลี่ย เขาก็กลับไป ยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด เพราะเป็นภัยสังคม” น.ส.เอ กล่าว

น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ตนเป็นอดีตพยาบาลเคยทำงานที่กรุงเทพฯ ลูกสาวเรียนชั้นประถมที่กรุงเทพฯ แต่ได้ย้ายกลับมาเรียนที่อุดรฯ ตอน ม.1 ลูกสาวมาอยู่กับยายก่อน ตนเพิ่งย้ายตามมาได้ไม่ถึงปี มาทำสวนอยู่ที่ อ.หนองแสง กับสามี ตนมีลูก 2 คน น้องบีเป็นคนโต และมีลูกชายคนเล็กอีกคน น้องบี จะอยู่บ้านที่ อ.กุมภวาปี กับยาย ตน สามี และลูกชายคนเล็กจะอยู่ที่บ้านสวน อ.หนองแสง ตอนแรกมีเพื่อนบ้านแนะนำนายซี ให้มารับส่งลูกสาว ต่อไปก็จะไปรับไปส่งเองก่อน แล้วจะหารถรับส่งเจ้าอื่นมาแทน

เบื้องต้นผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ไปหานายซี เพื่อสอบถามข้อมูลที่เกิดขึ้นทั้งหมด นายซี ตอบปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ ยังไม่พร้อมให้ข้อมูลอะไรในตอนนี้ บอกเพียงว่าเรื่องเข้าใจผิด และจะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในภายหลัง และจากตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายซี เคยเป็นสารวัตรกำนัน เคยทำงานเป็นลูกจ้างกับฝ่ายปกครอง อ.เมืองอุดรธานี อยู่ช่วงระยะหนึ่ง เพิ่งลาออกมาเมื่อปี 56 ปัจจุบันยังเป็น ชรบ. และเป็นอาสาตำรวจ แต่ประกอบอาชีพขับรถตู้รับส่งนักเรียนเป็นหลัก.