นายปรัชญา กันทาธรรม นายกสมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบแพร่ และตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ กว่า 2.2 หมื่นครัวเรือน เปิดเผยว่า ต้องการให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ครม.ชุดใหม่ เร่งแก้ปัญหายาสูบทั้งระบบเร่งด่วน โดยเสนอ 3 แนวทางเร่งด่วน ได้แก่ 1.สนับสนุนปัจจัยการผลิตให้กับชาวไร่ยาสูบอย่างต่อเนื่อง 2.ยกระดับการแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อนเป็นวาระแห่งชาติและนโยบายเร่งด่วน และ 3.จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบ โดยอาจให้การยาสูบแห่งประเทศไทย หรือกรมสรรพสามิต เก็บภาษีจากบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งกำลังตีตลาดบุหรี่ถูกกฎหมายอย่างรุนแรง เพื่อนำมาช่วยเหลือเยียวยาชาวไร่ยาสูบ พร้อมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้กับชาวไร่ยาสูบได้

“5-6 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยาสูบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีที่สูงเกินไป จนทำให้บุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าเติบโตขึ้นมาก บุหรี่ของการยาสูบฯ ก็มียอดขายลดลงมาก ส่วนรัฐบาลก็เก็บรายได้ภาษีบุหรี่ได้ลดลง รวมทั้งถูกบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีการเก็บภาษีเข้ามาตีตลาด ทำให้ชาวไร่ยาสูบได้รับผลกระทบ โดนตัดโควตารับซื้อใบยาลงไปมาก ทำให้มีรายได้ลดลง สวนทางกับต้นทุนการปลูกและบ่มยาสูบที่เพิ่มขึ้นประมาณ 60% เพราะค่าน้ำมัน ค่าแรง และค่าไฟเพิ่มสูงขึ้น”

ด้าน น.ส.ธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้ภาครัฐ และ ครม.ชุดใหม่ เข้ามาแก้ปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมาย ทั้งในส่วนบุหรี่ปลอม และบุหรี่เถื่อนเข้มข้นขึ้น เพราะขณะนี้ได้สร้างผลกระทบกับอุตสาหกรรมยาสูบทั้งระบบแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการสูญเสียในรูปแบบภาษีสรรพสามิต 24,000 ล้านบาท ภาษีมหาดไทย 1,800 ล้านบาท ภาษีอื่น 4,000 ล้านบาท รวมทั้งรายได้ชาวไร่ยาสูบ 300 ล้านบาท และรายได้ของผู้ประกอบการและร้านค้า 7,000 ล้านบาท

ปัจจุบัน ช่องทางที่มีการจำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายจำนวนมาก จะเป็นบนช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม เอ็กซ์ หรือทวิตเตอร์เดิม และสั่งซื้อผ่านข้อความส่วนตัวในไลน์ เฟซบุ๊ก และติ๊กต็อก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงอายุผู้เสพบุหรี่ที่ลดลงไปถึงเยาวชน และผู้หญิงเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากการซื้อหาได้ง่าย สะดวกและขนส่งผ่านพัสดุ ด้วยบริการจ่ายเงินปลายทางนอกจากนี้ ยังพบว่ามีบุหรี่เถื่อนมีการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยขณะนี้ ผู้สูบบุหรี่ทุก 4 คน จะมีคนสูบบุหรี่ผิดกฎหมาย 1 คน ซึ่งบุหรี่เถื่อนมีส่วนแบ่งตลาด 25% เพิ่มจาก 3 ปี ก่อนที่มีเพียง 11.4%

น.ส.ธัญญศรัณ กล่าวว่า สมาคมเสนอแก้ไขด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ 1.ปราบปรามร้านค้าบุหรี่ผิดกฎหมายที่มีหน้าร้าน พร้อมทั้งปิดกั้นช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว 2.ขยายผล ด้วยการสืบสวนขยายผลหาผู้กระทำผิดรายใหญ่ แหล่งต้นทางของสินค้าในประเทศเพื่อนบ้านที่มีข่าวว่าเป็นเส้นทางลำเลียง อาทิ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ผ่านชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล 3.ประชาสัมพันธ์ ผลการจับกุม ดำเนินคดี และทำลายสินค้าของกลาง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับร้านค้า และ 4.ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาช่วยป้องกัน ปราบปราม อาทิ เครื่องเอกซเรย์ขนาดพกพา