เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล ร่วมกับ นักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 115 ตามจับกุม นายสุรศักดิ์ หรือ บังโอ๋ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2985/2567 ลงวันที่ 25 มิ.ย.67 และ นายนราธิป หรือ โก๋อุ้ม อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2986/2567 ลงวันที่ 25 มิ.ย.67 ในความผิดฐาน “…ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส,ร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน,ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และพาอาวุธ(มีด)ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร…” โดยจับกุมได้ที่บริเวณลานโล่งปากซอยลาดพร้าว 85 ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองถนนสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2567 “บังโอ๋” ได้ก่อเหตุทำร้ายลูกค้าสาวรายหนึ่ง หลังจากตกลงกันไม่ได้เรื่องนัดให้มารับ-ส่ง ในพื้นที่ย่านวังทองหลาง โดยฝ่ายลูกค้าสาวนำเรื่องไปเล่าให้แฟนหนุ่มฟัง ก่อนจะกลับมาหา “บังโอ๋” เพื่อคุยเคลียร์ แต่ปรากฏว่า “บังโอ๋” และ “โก๋อุ้ม” ไม่พอใจต่อว่าด่าทอหยาบคาย ก่อนฉวยมีดไล่ฟันทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส ต้องเผ่นหนีตายเข้าบ้าน ขณะที่ “บังโอ๋” ยังคงใช้มีดฟันทำลายเบาะจยย.ของผู้เสียหายที่จอดอยู่หน้าบ้านก่อนตะโกนขู่จะตามฆ่า ภายหลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีกับอีกฝ่าย โดยพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนมีการออกหมายจับและสามารถจับกุมไว้ได้ดังกล่าว

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ อ้างเหตุใช้มีดไล่ฟันอีกฝ่ายเป็นการป้องกันตัว และอีกฝ่ายมาหาเรื่องก่อน เนื่องจากไม่พอใจที่ตนไม่ไปรับส่งเมียของผู้เสียหาย ส่วน โก๋อุ้ม พอเห็นว่าตนโดนหาเรื่องก็เลยเข้ามาช่วย ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การจึงแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่จากพยานหลักฐานที่ได้มา พบว่าผู้เสียหายถูกฟันบาดเจ็บสาหัสจริง และจากพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็น “ภัยสังคม” วินจยย. มีพฤติกรรมรุนแรงก่อเหตุอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง หากใครพบเห็นการกระทำลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งให้ข้อมูลได้ที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.